สุราษฎร์ธานี - ปลาในกระชังตายเกลื่อนกลางลำน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ฯ เสียหายกว่า 8 ล้าน ด้านเจ้าหน้าที่ประมงคาดมาจากโรคฟลาโวแบคทีเรียม ย้ำผู้บริโภคต้องนำมาปรุงให้สุกก่อนรับประทาน ในขณะที่ชาวบ้านระบุมีโรงงานแอบปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนสารเคมีลงแม่น้ำตาปี
วันนี้ (22 ก.พ.) เกิดเหตุปลาทับทิม และปลานิลที่ชาวบ้านเลี้ยงในกระชังตายเกลื่อนในคลองแม่น้ำตาปี ม.1 ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วบริเวณ นอกจากนั้น ยังมีปลาธรรมชาติในแม่น้ำตายเป็นจำนวนมากเช่นกัน นางศรีจันทร์ นิ่มรักษ์ อายุ 53 ปี เจ้าของปลาในกระชัง กล่าวว่า ตน และนายประเสริฐ นิ่มรักษ์ อายุ 59 ปี สามี กู้เงิน ธ.ก.ส.กับธนาคารออมสิน มาเลี้ยงปลาปลาในกระชังมา 15 ปีแล้ว ที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นปลาตายหมดกระชังแบบนี้ โดยเริ่มปลาตายมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ปลาตายหมดทั้ง 120 กระชัง เสียหายไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท และเชื่อว่าสาเหตุที่ปลาตายน่าจะเกิดจากโรงงานลักลอบปล่อยน้ำเสียที่เจือปนสารพิษลงแม่น้ำในเวลากลางคืน
ขณะที่ นายอิทธิพล ขวาไทย หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพประมง สำนักงานประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างปลาตายเพื่อไปตรวจสอบหาสาเหตุการตาย เบื้องต้น คาดว่าเป็นโรคฟลาโวแบคทีเรียม ปลามีอาการเหงือกเน่า ตัวด่าง ครีบเปื่อย หรือซีดขาว ลำตัวมีเมือกมาก รอยซีดที่ผิวตัว และมีการตกเลือด ผู้เลี้ยงควรเร่งจับขาย หรือนำปลาที่เป็นไปประกอบอาหารสามารถรับประทานได้ตามปกติ แต่ต้องปรุงให้สุกเต็มที่ก่อนนำรับประทาน นอกจากนั้น ควรเอาปลาตัวที่ป่วย และตายขึ้นให้เร็วที่สุดเพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในแหล่งน้ำและทิ้งระยะการเลี้ยงอีกระยะหนึ่งก่อน ส่วนสาเหตุอื่นรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
