อุบลราชธานี - อากาศที่แปรปรวนและหนาวจัดทำให้ปลาเลี้ยงในกระชังของแม่น้ำมูล อ.วารินชำราบ ตายแบบยกกระชัง 21 ราย กว่า 330 หลุม คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 26 ล้านบาท ขณะที่อำเภอและประมงลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ สนับสนุนให้เลี้ยงไก่ วัว หรือปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฤดูแล้งสร้างรายได้แทน เพราะได้ประกาศห้ามเลี้ยงปลาเด็ดขาดแล้ว
วันนี้ (27 ม.ค.) ที่บ้านวังยาง หมู่ 12 ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นายอลงกต วรกี นายอำเภอวารินชำราบ พร้อมเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอ เข้าตรวจสอบความเสียหายปลานิลเลี้ยงในกระชังในแม่น้ำมูล ซึ่งตายจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและท้องฟ้าปิด
เบื้องต้นมีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 21 ราย น้ำหนักปลาเลี้ยงกว่า 400 ตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 26 ล้านบาท
จากการสอบถามนางหวาน จันทวี อายุ 53 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาเล่าว่า ปลาของตนมีอายุประมาณ 5 เดือน และกำลังจะเก็บขึ้นขายภายใน 2-3 วันข้างหน้า แต่เมื่อเย็นวันที่ 25 ม.ค. ปลาเริ่มมีอาการลอยหัวขึ้นเหนือน้ำ เพราะท้องฟ้ามืดครึ้มจากสภาพอากาศหนาวเย็นติดต่อกันตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมาและทยอยตายทั้งหมด
ทำให้ตนเสียหายไปรวม 8 กระชัง มูลค่าประมาณ 6 แสนบาท ส่วนปลาที่ตายใหม่นำมาแช่น้ำแข็งส่งเข้าตลาดในราคากิโลกรัมละ 30 บาท จาก 63 บาท ที่ตายนานแล้วเอามาทำเป็นปลาร้า ปลาตากแห้งขายกิโลกรัมละ 10-20 บาท
ขณะที่นายกิตติพงษ์ ลีลาศสง่างาม ประมงอำเภอวารินชำราบ กล่าวถึงสาเหตุปลาตายครั้งนี้เกิดจากขาดออกซิเจน เพราะอากาศปิดติดกัน 2-3 วัน จากสภาพอากาศหนาวเย็น โดยวัดค่าออกซิเจนในวันนี้ได้เพียง 1.5 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อลิตร ซึ่งต่ำกว่า 3 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ต่อลิตร ทำให้สัตว์น้ำไม่สามารถอยู่ได้
ก่อนจะเกิดปรากฏการณ์อากาศปิดและหนาวเย็น ได้มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาให้เตรียมป้องกันผลกระทบจากอากาศไว้แล้ว พร้อมได้ประกาศงดเลี้ยงปลาในหน้าแล้งปีนี้โดยเด็ดขาด เพราะมีน้ำใช้เลี้ยงไม่เพียงพอด้วย
ด้านนายอลงกต วรกี นายอำเภอวารินชำราบ กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเสียหาย จะจัดโครงการเลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว และปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หน้าแล้งให้เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายเพื่อหารายได้ทดแทนในหน้าแล้งปีนี้ เพราะได้ประกาศห้ามการเลี้ยงปลาในช่วงนี้อย่างเด็ดขาด จนกว่าระดับน้ำในแม่น้ำมูลจะมีน้ำมากขึ้น