พังงา - เกษตรกรเปิดธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตปีละ 170 ตัน ลดต้นทุนการผลิต สร้างรายได้เพิ่มให้สมาชิก
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์บ้านเก้าเจ้า ม.6 ต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายสุรจิตต์ อินทรชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ติดตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในสถานการณ์ราคาผลผลิตตกต่ำ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในจังหวัดพังงา-ภูเก็ต ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เข้าร่วมเยี่ยมชมธนาคารปุ๋ยอินทรี และศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินของ นายทศภณ เนียมทอง หมอดินอาสาประจำจังหวัดพังงา ซึ่งมีการบริหารงานจนประสบความสำเร็จ สามารถลดต้นทุนการผลิต สร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี
นายทศภณ เนียมทอง หมอดินอาสาประจำจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า หมอดินอาสาเป็นเครือข่ายการพัฒนาที่ดิน และเป็นกลไกที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนให้เกษตรกรในท้องถิ่นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการผลิตทางการเกษตร สามารถลดต้นทุนการผลิต และฟื้นฟูปรับปรุงดิน ตลอดจนการอนุรักษ์พื้นที่ทำการเกษตรให้สามารถใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยั่งยืน ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์แห่งนี้เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดพังงา ปัจจุบัน สามารถผลิตปุ๋ยหมักสูตรพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ปีละกว่า 50 ตัน เอาไว้แจกจ่ายให้แก่สมาชิก
สำหรับเกษตรทั่วไปจำหน่ายให้กิโลกรัมละ 4 บาท นอกจากนั้น ตนเองได้พัฒนาการผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงด้วยสูตรพิเศษของทางกลุ่ม จนเป็นที่นิยมของเกษตรกรทั่วทั้งจังหวัดพังงา โดนเฉพาะชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ต่างพูดกันว่าดีกว่าปุ๋ยเคมี จนต้องมีการสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งสามารถผลิตได้ปีละ 120 ตัน ราคาจำหน่ายสมาชิกกิโลกรัมละ 4 บาท ส่วนเกษตรกรทั่วไป กิโลกรัมละ 5.60 บาท
นายสุรจิตต์ อินทรชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ธนาคารปุ๋ยอินทรีเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกษตรกรทำปุ๋ยหมักใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้สารเคมี ต้ออาศัยหมอดินอาสาในการทำให้เกษตรกรเกิดการยอมรับ และมีการขยายผลไปสู่ระดับครัวเรือน มีการทำใช้เองในระดับครัวเรือนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำหมักชีวภาพ และปุ๋ยหมัก ซึ่งสามารถนำไปใช้กับไม้ผล และพืชผักที่ปลูกไว้ในครัวเรือน
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์บ้านเก้าเจ้า ม.6 ต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายสุรจิตต์ อินทรชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ติดตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในสถานการณ์ราคาผลผลิตตกต่ำ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในจังหวัดพังงา-ภูเก็ต ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เข้าร่วมเยี่ยมชมธนาคารปุ๋ยอินทรี และศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินของ นายทศภณ เนียมทอง หมอดินอาสาประจำจังหวัดพังงา ซึ่งมีการบริหารงานจนประสบความสำเร็จ สามารถลดต้นทุนการผลิต สร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี
นายทศภณ เนียมทอง หมอดินอาสาประจำจังหวัดพังงา เปิดเผยว่า หมอดินอาสาเป็นเครือข่ายการพัฒนาที่ดิน และเป็นกลไกที่สำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนให้เกษตรกรในท้องถิ่นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการผลิตทางการเกษตร สามารถลดต้นทุนการผลิต และฟื้นฟูปรับปรุงดิน ตลอดจนการอนุรักษ์พื้นที่ทำการเกษตรให้สามารถใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยั่งยืน ธนาคารปุ๋ยอินทรีย์แห่งนี้เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดพังงา ปัจจุบัน สามารถผลิตปุ๋ยหมักสูตรพระราชทานของสมเด็จพระเทพฯ ปีละกว่า 50 ตัน เอาไว้แจกจ่ายให้แก่สมาชิก
สำหรับเกษตรทั่วไปจำหน่ายให้กิโลกรัมละ 4 บาท นอกจากนั้น ตนเองได้พัฒนาการผลิตปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงด้วยสูตรพิเศษของทางกลุ่ม จนเป็นที่นิยมของเกษตรกรทั่วทั้งจังหวัดพังงา โดนเฉพาะชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ต่างพูดกันว่าดีกว่าปุ๋ยเคมี จนต้องมีการสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งสามารถผลิตได้ปีละ 120 ตัน ราคาจำหน่ายสมาชิกกิโลกรัมละ 4 บาท ส่วนเกษตรกรทั่วไป กิโลกรัมละ 5.60 บาท
นายสุรจิตต์ อินทรชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ธนาคารปุ๋ยอินทรีเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกษตรกรทำปุ๋ยหมักใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้สารเคมี ต้ออาศัยหมอดินอาสาในการทำให้เกษตรกรเกิดการยอมรับ และมีการขยายผลไปสู่ระดับครัวเรือน มีการทำใช้เองในระดับครัวเรือนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำหมักชีวภาพ และปุ๋ยหมัก ซึ่งสามารถนำไปใช้กับไม้ผล และพืชผักที่ปลูกไว้ในครัวเรือน