xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนเบตงปลูกพืชกินน้ำน้อยแซมในสวนยาง สร้างรายได้เสริมสู้วิกฤต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ยะลา - ชาวสวนยาง อ.เบตง ปลูกพืชผักสวนครัวจำหน่ายได้รายได้วันละ 400-500 บาท ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ยังมีรายได้เข้ากระเป๋าทุกวัน
 

 
วันนี้ (24 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวสวนยางในพื้นที่บ้านกุนุงจนอง ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา เริ่มทำอาชีพเสริมสร้างรายได้ภายหลังประสบปัญหาราคายางพาราตกต่ำ และกำลังจะเข้าสู่ช่วงใบยางผลัดใบ ซึ่งทางสำนักงานเกษตรอำเภอเบตง พร้อมด้วยเทศบาลเมืองเบตง ประสานผู้นำชุมชน ผลักดันให้เกษตรกรชาวสวนยางมีการเสริมสร้างความรู้ และสร้างอาชีพเสริม โดยเน้นย้ำให้เกษตรกรรู้จักประหยัด และเสริมรายได้ให้ตนเองมากขึ้น โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งได้รับความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง และเกษตรกรทั่วไป ร่วมกันทำงานเพื่อเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย สร้างสังคมให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน
 

 
นางสุนีย์ แนฮะ เจ้าของสวนเปิดเผยว่า ตนประกอบอาชีพสวนยางพาราเป็นอาชีพหลัก แต่ในปัจจุบันราคายางพาราตกต่ำ ตนและเกษตรกรหลายคนได้หันมาปลูกผักแซมในสวนยาง และพืชน้ำน้อย ตามนโยบายรัฐบาลที่ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งในพื้นที่บ้านกุนุงจนอง อ.เบตง จ.ยะลา เกษตรกรชาวสวนยางพาราได้หันมาปลูกพืชแซมยาง หลายชนิดไม่ว่าจะเป็น มะละกอ อ้อย กล้วย และมันสำปะหลัง ซึ่งสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ครัวเรือนได้ทุกวัน
 

 
นางสุนีย์ กล่าวอีกว่า หลังราคายางพาราตกต่ำได้หันมาปลูกกล้วยหิน ซึ่งเป็นพืชน้ำน้อย และปลูกง่าย เป็นพืชท้องถิ่นซึ่งคนภาคใต้นิยมนำไปประกอบอาหารจำพวกแกงกะทิ นำไปเป็นอาหารสำหรับนก ใช้เวลาปลูกเพียง 7-8 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวมาขายได้แล้ว หวีละประมาณ 180-200 บาท ประมาณครึ่งกิโลกรัม ซึ่งจะขายในตลาดนัดชุมชน หรือคนในหมู่บ้าน
 

 
นอกจากนี้ ยังมีการปลูกต้นฟักทอง ฟักเขียว มะละกอ กล้วย ซึ่งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย เกษตรกรสามารถจะเด็ดยอดขายได้โดยตลอด แต่ละวันจำหน่ายได้ถึงวันละ 400-500 บาท เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถเสริมรายได้อย่างสบายไม่เดือดร้อน แม้สภาพเศรษฐกิจจะตกต่ำแต่มีรายได้เข้ากระเป๋าทุกวัน
 





 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น