ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการเรือ และท่าเทียบเรือ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ย้ำเรือทุกลำต้องติดตั้งระบบแสดงข้อมูลเรือ แก้ปัญหาเรือลักลอบทิ้งน้ำมันลงทะเล
วันนี้ (30 ธ.ค.) นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นประธานการประชุมผู้ประกอบการเรือ และท่าเทียบเรือ ณ ห้องประชุมขอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ผู้ประกอบการเรือ และท่าเทียบเรือกว่า 150 คนเข้าร่วม
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์จังหวัดภูเก็ต กำหนดให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลกอย่างยั่งยืน แต่ยังมีผู้ที่ลักลอบทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลน้ำมัน หรือสิ่งที่ผ่านจากเรือลงสู่ทะเล ตลอดจนจังหวัดภูเก็ตยังมีนโยบายให้ทุกท่าเทียบเรือติดตั้งกล้องระบบวงจรปอด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวทางน้ำ
นอกจากนี้ ขอให้เรือโดยสารทุกลำในฝั่งทะเลอันดามันที่บรรทุกคนโดยสารตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป และเรือต่างประเทศที่เข้าออกเมืองท่าภูเก็ต ต้องติดตั้งระบบที่มีมาตรฐาน สมรรถนะสำหรับแสดงข้อมูลเรืออัตโนมัติ หรือระบบ ais class b หรือสูงกว่า เพื่อแก้ปัญหาที่มีการลักลอบทิ้งขยะสิ่งปฏิกูล น้ำมัน หรือสิ่งที่มีความสกปรกจากเรือลงสู่ทะเล หรือทางสาธารณะ โดยให้เรือแต่ละลำจัดทำแบบฟอร์มบันทึกน้ำมัน และทุกท่าเทียบเรือต้องทำที่จัดเก็บน้ำมันเครื่อง หรือเกียร์ที่ถ่ายทิ้งจากเรือ และกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ ทางน้ำ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ต
ด้าน นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กล่าวว่า การจัดทำแบบฟอร์มบันทึกน้ำมัน นอกจากจะช่วยตรวจสอบการลักลอบทิ้งน้ำมันแล้ว ยังช่วยให้ผู้ประกอบการตรวจสอบสภาพเรือของตนเองจากความถี่ในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกด้วย แต่หากพบความผิดปกติของแบบฟอร์มบันทึกน้ำมัน จะส่งผลต่อการต่อใบอนุญาตประกอบการ
ส่วนประเด็นการเพิ่มกล้องวงจรปิดเพื่อสแกนพาสปอร์ตของผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการบางส่วนแสดงความเห็นว่า จะกระทบตารางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการ เนื่องจากใช้เวลามาก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่เผื่อเวลาสำหรับมารอเรือท่องเที่ยวมากนัก และนักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่พกพาสปอร์ตติดตัวเมื่อมาทะเล ซึ่งการเพิ่มกล้องวงจรปิดสำหรับบันทึกภาพใบหน้าผู้โดยสารแต่ละคนนั้นเพียงพอแล้ว เนื่องจากข้อมูลผู้โดยสารทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้จากประกันอุบัติเหตุ ซึ่งผู้ใช้บริการได้ทำประกันไว้ทุกคน
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้รับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไว้พิจารณาอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า การสแกนพาสปอร์ตจะช่วยเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยได้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากมาตรฐานการดูแลด้านความปลอดภัยที่มีอยู่
วันนี้ (30 ธ.ค.) นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมเป็นประธานการประชุมผู้ประกอบการเรือ และท่าเทียบเรือ ณ ห้องประชุมขอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ผู้ประกอบการเรือ และท่าเทียบเรือกว่า 150 คนเข้าร่วม
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์จังหวัดภูเก็ต กำหนดให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลกอย่างยั่งยืน แต่ยังมีผู้ที่ลักลอบทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลน้ำมัน หรือสิ่งที่ผ่านจากเรือลงสู่ทะเล ตลอดจนจังหวัดภูเก็ตยังมีนโยบายให้ทุกท่าเทียบเรือติดตั้งกล้องระบบวงจรปอด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวทางน้ำ
นอกจากนี้ ขอให้เรือโดยสารทุกลำในฝั่งทะเลอันดามันที่บรรทุกคนโดยสารตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป และเรือต่างประเทศที่เข้าออกเมืองท่าภูเก็ต ต้องติดตั้งระบบที่มีมาตรฐาน สมรรถนะสำหรับแสดงข้อมูลเรืออัตโนมัติ หรือระบบ ais class b หรือสูงกว่า เพื่อแก้ปัญหาที่มีการลักลอบทิ้งขยะสิ่งปฏิกูล น้ำมัน หรือสิ่งที่มีความสกปรกจากเรือลงสู่ทะเล หรือทางสาธารณะ โดยให้เรือแต่ละลำจัดทำแบบฟอร์มบันทึกน้ำมัน และทุกท่าเทียบเรือต้องทำที่จัดเก็บน้ำมันเครื่อง หรือเกียร์ที่ถ่ายทิ้งจากเรือ และกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ ทางน้ำ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ต
ด้าน นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กล่าวว่า การจัดทำแบบฟอร์มบันทึกน้ำมัน นอกจากจะช่วยตรวจสอบการลักลอบทิ้งน้ำมันแล้ว ยังช่วยให้ผู้ประกอบการตรวจสอบสภาพเรือของตนเองจากความถี่ในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกด้วย แต่หากพบความผิดปกติของแบบฟอร์มบันทึกน้ำมัน จะส่งผลต่อการต่อใบอนุญาตประกอบการ
ส่วนประเด็นการเพิ่มกล้องวงจรปิดเพื่อสแกนพาสปอร์ตของผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการบางส่วนแสดงความเห็นว่า จะกระทบตารางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการ เนื่องจากใช้เวลามาก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่เผื่อเวลาสำหรับมารอเรือท่องเที่ยวมากนัก และนักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่พกพาสปอร์ตติดตัวเมื่อมาทะเล ซึ่งการเพิ่มกล้องวงจรปิดสำหรับบันทึกภาพใบหน้าผู้โดยสารแต่ละคนนั้นเพียงพอแล้ว เนื่องจากข้อมูลผู้โดยสารทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้จากประกันอุบัติเหตุ ซึ่งผู้ใช้บริการได้ทำประกันไว้ทุกคน
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้รับฟังความคิดเห็นดังกล่าวไว้พิจารณาอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า การสแกนพาสปอร์ตจะช่วยเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยได้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากยิ่งขึ้นจากมาตรฐานการดูแลด้านความปลอดภัยที่มีอยู่