ปัตตานี - คืบหน้าเรือประมงลากข้างปัตตานี ล้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่ระหว่างตรวจยึดเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย พนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก เรียก จนท.ที่ถูกล้อมทำร้ายทั้ง 5 นาย เข้าให้ปากคำ ด้านหัวหน้าศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลปัตตานี เผยอยากให้มีการสนับสนุนกำลังเสริมเพิ่มขึ้น
วันนี้ (21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีกลุ่มชาวประมงเรือลากข้างขนาดเล็กปัตตานี ได้ปิดล้อมเรือตรวจการณ์ศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลปัตตานี แล้วเข้าไปทำร้ายเรือ และเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย และเรือได้รับความเสียหายกระจกหน้าของเรือแตกละเอียดจากการทุบตีของกลุ่มชาวประมงดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ จำนวน 5 นาย ออกลาดตระเวนด้วยเรือสปีดโบต ต.209 ภายหลังได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบทำประมงลากข้างผิดกฎหมาย เมื่อมาถึงบริเวณปากแม่น้ำบางตาวา ชาวประมงบางส่วนได้ทิ้งเครื่องมือประมงลากข้างลงน้ำแล้วหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการยึดเครื่องมือประมงลากข้างดังกล่าวนำขึ้นเรือเพื่อนำไปบันทึกการตรวจยึดต่อไป
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังดึงเครื่องมือประมงดังกล่าวขึ้นเรือ ได้มีแกนนำชาวประมงพร้อมเรือประมงลากข้าง ประมาณ 7 ลำ เข้ามาล้อมเรือเจ้าหน้าที่ พร้อมนำไม้ตะขอเหล็กที่ใช้ดึงอวน เข้ามาทุบตีเรือ บางคนถือมีด ถือค้อน ใช้ถ้อยคำข่มขู่เจ้าหน้าที่ โดยหาว่าเจ้าหน้าที่พยายามผลักพวกเขาให้เป็นโจร ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่บางคนก็สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหววินาทีที่กลุ่มชาวประมงลากข้างกำลังเข้าล้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ด้วยเครื่องโทรศัพท์มือถือ จึงทำให้ชาวประมงกลุ่มนี้ไม่พอใจ พยายามขึ้นเรือเพื่อยึดเครื่องโทรศัพท์ เพื่อลดความเสี่ยงเหตุปะทะกันที่อาจเกิด พร้อมประสานกำลังสนับสนุนจากตำรวจน้ำเพื่อมาสนับสนุน แต่เนื่องจากการดำเนินเข้ามาสนับสนุนไปอย่างชักช้า เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจึงยอมตัดเชือกอวนลากข้างที่กำลังดึงขึ้นเรือนั้นลงน้ำ แล้วเร่งเครื่องกลับมาศูนย์ฯ อย่างปลอดภัย
ภายหลังเกิดเหตุ นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าฯ ปัตตานี นายเถกิงศักดิ์ ยกศิริ รองผู้ว่าฯ ปัตตานี ได้เดินทางมาที่ศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลปัตตานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละ และกล้าหาญ มีความอดทนต่อปฏิกิริยาของชาวประมงผิดกฎหมาย ไม่ใช้ความรุนแรงโต้ตอบชาวประมงทำให้เรื่องราวไม่บานปลาย
ล่าสุด วันนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้เรียกเจ้าหน้าที่ทั้ง 5 นาย เข้ามาให้ปากคำ ภายหลังที่ได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้วก่อนหน้านี้
ด้าน นายปรีชา บริเพชร หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลปัตตานี ได้กล่าวว่า ในส่วนมาตรการการปฏิบัติหน้าที่ในการออกลาดตระเวนด้วยเรือสปีดโบตขนาดเล็ก เพราะอ่าวปัตตานีมีลักษณะน้ำตื้น ไม่สามารถใช้เรือขนาดใหญ่ได้ โดยปกติทางศูนย์เราจะมีเรืออยู่ 2 ลำ แต่เราไม่สามารถแบ่งคนเป็น 2 ชุด เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ และกำลังพล ก่อนหน้านี้ได้มีการสนับสนุนกำลังเฉพาะกิจจากจังหวัดปัตตานี แต่แค่เพียงระยะสั้นๆ มาอยู่ไม่เกิน 4 วัน จากนั้นกำลังก็เหมือนเดิม
ในส่วนของการสนธิกำลังก็ยังดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ของสายบังคับบัญชาได้กำหนดแผนงานมาอยู่แล้ว เพียงแต่การเข้ามาสนับสนุนกำลังในยามมีเหตุฉุกเฉินมันอาจจะล่าช้ากว่าทางบก จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพยายามป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุด หรือบริหารความเสี่ยงภายใต้ข้อจำกัด เหมือนกรณีที่ปรากฏในภาพคลิปในขณะถูกปิดล้อม และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งเดียวมันมีมาเป็นระยะ
เพื่อสร้างความมั่นใจในการดำเนินภารกิจกวาดล้าง ตรวจยึดเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย เพื่อเป็นไปตามนโยบายของ คสช. และของจังหวัดปัตตานี จึงอยากให้มีการสนับสนุนกำลังเสริมเข้ามาสนับสนุนให้ในลักษณะยาว ไม่ใช่มาแค่ 2-4 วันแล้วกลับ เพราะลำพังกำลังของศูนย์มันไม่เพียงพอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทางประมงจังหวัดปัตตานี ได้พยายามบันทึกทำหนังสือรายงานให้ทางกรมประมงทราบ เพื่อให้มีการทบทวนกรณีการบังคับใช้ตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 24/2558 ต่อเรือประมงลากข้างกลุ่มนี้ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวทำให้ชาวประมงเรือลากข้างกลุ่มนี้ไม่สามารถออกทำประมงได้อีก เพราะเรือประมงกลุ่มไม่มีอาชญาบัตรทุกลำ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกให้ได้เพราะเป็นเรือผิดกฎหมาย ในระหว่างที่กำลังรอผลการพิจารณาความเห็นของทางกรมฯ กลุ่มประมงเหล่านี้จึงยังได้ลักลอบออกมาทำประมงอย่างเสรี
จนกระทั่งล่าสุด เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางกรมได้ทำหนังสือแจ้งมายังประมงจังหวัดปัตตานี กรณีเรือประมงลากข้างขนาดเล็กที่มีถุงก้นขนาดเล็กกว่า 5 ซม. ให้ดำเนินการไปตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 24/2558 ในการรื้อถอนตามกฎหมาย จึงอาจกลายเป็นชนวนของการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เข้ามามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ชนิดแบบไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตา จึงเป็นข้อสงสัยว่า อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนคอยให้ท้ายกลุ่มประมงเหล่านี้ด้วยหรืออย่างไร จึงทำให้กลุ่มประมงเหล่านี้กล้าต่อรองกับเจ้าหน้าที่มาแล้วหลายครั้ง ปิดปากร่องน้ำปัตตานีมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ทั้งที่เป็นเรือผิดกฎหมายไม่ต่างอะไรกับเรือเถื่อน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้ด้วย
