xs
xsm
sm
md
lg

1 ปีกับผลพวงทุจริต “สนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช” อนุสาวรีย์ประจานใคร?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
โดย...นักข่าวชายขอบ
 
เหลืออีกเพียงสัปดาห์เศษที่ปี 2558 กำลังล่วงลับ ตลอดปีนี้เป็น 1 ปีที่มีการตรวจสอบ “สนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช” อย่างเข้มข้น จากทั้งภาคประชาสังคมในทุกส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งต่างกังขาว่าล่วงเลยมาแล้วถึง 1 ปีที่ “สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)” เปิดฉากตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณในการปรับปรุงสนามกีฬาแห่งนี้ ในวงเงินงบประมาณ 13.4 ล้านบาท แต่ที่ได้มาก็แค่เพียงดินลูกรังกับสนามหน้านวลน้อยเป็นหลุมเป็นบ่อ กับลู่วิ่งที่ฉีดยางโพลิเมอร์บางๆ ทับของเก่า
 
หลังผ่านการส่งมอบงานเพียงไม่กี่สัปดาห์ คุณภาพของงานที่ได้มากลับส่งกลิ่นเชิญชวนให้มีการตรวจสอบ ด้วยหลักฐานทางกายภาพที่เป็นประจักษ์ จนทำให้คนบางคนถึงกับจุกคอหอย กลืนกินไม่คล่องคอ ไม่นับรวม 3 ปีล่วงมาที่สนามแห่งนี้ใช้งบประมาณปรับปรุงไปแล้วถึง 39 ล้านบาท แต่กลับกลายเป็นซากสนาม ไม่เห็นร่องรอยของความใหม่เอี่ยมอ่องของวัสดุ และครุภัณฑ์จากเม็ดงบประมาณที่เทลงไป
 
บอกไม่ถูกจริงๆ ว่าจะไปขุดหาร่องรอยตรงไหน เว้นเสียแต่ว่าไปซื้อทองใส่หีบซุกฝังไว้ใต้สนาม นั่นคงพอจะเป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานในอนาคตได้?!
 

 
นี่ยังไม่รวมถึงการนำเอาจักรกลที่ถือเป็น “ทรัพย์สินของทางราชการ” ไปใช้ในกิจการของ “ผู้รับเหมา” อย่างหน้าตาเฉย หรือกล้าแม้กระทั่งเอาเครื่องจักรกลของทางราชการ รวมทั้ง “คนงานที่กินเงินเดือนหลวง” ไปใช้ที่บ้านของตัวเอง จนถูกถ่ายภาพกันได้แบบคาหนังคาเขา
 
แน่นอนว่ามีลูกกระจ๊อกที่จะต้องออกรับหน้าหาแพะมารับผิดแทนนาย นั่นย่อมสะท้อนให้เห็นถึง“คุณวุฒิ” และ “วัยวุฒิ” ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย?!
 
การตรวจสอบของ สตง.ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะเข้มข้น แม้ว่าต้นทางในการตรวจสอบจาก สตง.ภูมิภาคที่ 14 จะยืนยันถึงผลสรุปที่ชัดเจน และเชื่อมั่นถึงความผิดที่ตรวจสอบจนพบพยานหลักฐานต่างๆ ที่มั่นคงแน่นหนา และได้ส่งสำนวนนี้ไปให้สำนักงานใหญ่ได้ชี้ขาดเป็นขั้นสุดท้ายแล้ว แต่เวลาที่กำลังจะล่วงเลยสู่ปีใหม่ เรื่องราวต่างๆ ก็ยัง “เงียบเป็นเป่าสาก” จวบจนวันนี้
 

 
จนเจ้าหน้าที่เจ้าของสำนวนที่ทำการตรวจสอบออกอาการท้อแท้ไปตามๆ กัน แถมยังมีลิ่นแปลกๆ จากสำนักงานใหญ่โชยมาแตะจมูกเป็นระยะๆ ทั้งที่เรื่องราวเหล่านี้อยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างมาก!!
 
จนแล้วจนรอด ท่ามกลางกระแสของการเฝ้ามอง และจับตาความเป็นไปของสนามกีฬาแห่งนี้ “เทศบาลนครนครศรีธรรมราช” จึงส่งคืนซากสนามกลับไปยังเจ้าของเดิมคือ “อบจ.นครศรีธรรมราช” หลังจากที่มติสภา อบจ.นครศรีธรรมราช บาดลึกลงไปในใจบางคนที่ขอสนามกีฬาไปดูแล แต่ให้ได้เพียงเมรุเผาศพ
 
งบประมาณที่จะเข้ามาซ่อมแซมปรับปรุงอีกครั้งถึง 18 ล้านบาท เวลานี้ก็ยังไม่สามารถทำได้ ในขณะที่งานใหญ่รออยู่ข้างหน้าคือ “การจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 37” หรือ “นครศรีธรรมราชเกมส์” ระหว่าง 23-31 ม.ค.255 ที่กำลังจะมาถึงอยู่รอมร่อ เมื่อสนามกีฬาแห่งนี้เน่าสนิท และยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนมาได้ทันหรือไม่ เวลานี้จึงมีการฝากความหวังไว้กับสนามแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ ในหลายท้องที่ทั่วทั้งจังหวัด
 

 
สิ่งนี้ทำให้หมดท่าไปเลยกับคำว่า “สนามกีฬากลาง” ของจังหวัดที่ยิ่งใหญ่อีกจังหวัดหนึ่งในภาคใต้แห่งนี้ไปโดยสิ้นเชิง!!
 
ที่สำคัญยิ่งที่สะท้อนถึงความไม่ปกติบางอย่างเข้าจังเบอร์เมื่อ “พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า” ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกอาการเซ็งเมื่อต้องบอกกล่าวถึงอุปสรรคล่าสุดในการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งชาติ ซึ่งนครศรีธรรมราชต้องเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น หลังจากที่ สตง.นครศรีธรรมราช ได้มีการทักท้วงเรื่องอำนาจหน้าที่ของ อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อจังหวัดได้มอบหมายให้เป็นเจ้าภาพหลักรับผิดชอบการจัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน
 
ส่งผลให้ อบจ.นครศรีธรรมราชไม่กล้าดำเนินการ เพราะกลัวผิดระเบียบ ทั้งๆ ที่ผู้ว่าฯ และอธิบดีกรมพลศึกษา รวมถึงท้องถิ่นจังหวัด ได้พยายามอธิบายเหตุผลและความจำเป็นในการมอบหมายภารกิจให้ อบจ.เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของท้องถิ่น แต่ สตง.ไม่ยอม และได้แนะนำให้จังหวัดหารือไปยังกระทรวงมหาดไทยว่า อบจ.สามารถดำเนินการได้หรือไม่
 

 
“หากรอหนังสือหารือตอบกลับจากกระทรวงมหาดไทย คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 วัน ผมมองว่าถ้าต้องปล่อยให้เป็นนั้นไม่ทันการณ์แน่นอน เพราะเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษก็จะถึงวันแข่งขันแล้ว” นี่เป็นความห่วงใยที่สะท้อนผ่านเรียวปากของผู้ว่าฯ
 
ทั้งนี้ ไม่นับเป็นเรื่องแปลกอะไรที่ สตง.จะทักท้วงเรื่องนี้ เพราะ อบจ.นครศรีธรรมราช กำลังถูกจับตาถึง“อุตสาหกรรมงานอีเวนต์” ต่างๆ ทั้งหลายทั้งปวงที่มีการจัดขึ้นมากมาย และหลากหลายที่รูปแบบที่เรียกว่า “จัดกันง่าย จ่ายกันคล่อง” ราวกับเป็นการใช้เงินในกระเป๋าของผู้รับเหมาเสียเอง
 
แม้ว่า “นายก อบจ.นครศรีธรรมราชคนเก่า” จะโดนใบแดงหลุดจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ “นายกปลัด อบจ.นครศรีธรรมราช” มีโชคราวกับถูกรางวัลที่ 1 ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ สามารถนั่งในตำแหน่งสูงสุดของข้าราชการประจำใน อบจ. และคร่อมไปกินตำแหน่งฝ่ายบริหารสูงสุดในเวลาเดียวกันได้ แต่ก็ยังนิยมชมชอบในการจัดงานอีเวนต์ไม่สร่างซา แถมมีภาพของผู้รับเหมาหน้าเดิมๆ ที่เคยผูกขาดอยู่ล้อมรอบตัว
 

 
ว่ากันว่าข้าราชการตัวเล็กตัวน้อยออกอากรหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน เพราะมีความเสี่ยงที่จะต้องรับผิดชอบกันไปเต็มๆ หากเกิดมี “เปาบุ้นจิ้น” เข้ามาข้องแวะ?!
 
เรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงนี้จะอยู่ในความสนใจของประชาชนอย่างแน่นอน และที่ผ่านมา ก็มีข่าวเรื่องร้องเรียนให้มีการตรวจสอบจำนวนมาก ไม่นับรวมการนำเสนอผ่านในหลายช่องทางอีกไม่น้อย และตลอด 1 ปีที่ผ่านมา “สนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช” ถูกผู้คนนำไปพูดถึงมากที่สุด
 
นี่คือบริบทที่แสดงให้เห็นถึงกรณีต้องทบทวนการเปิดฟรีสไตล์ของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)”ที่ปล่อยให้มีการดำรงตำแหน่งอย่างยาวนานของบรรดา “ท่านผู้บริหาร” ทั้งหลาย เสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตแบบ “ผ่านทุกทาง” ของคนพวกนี้ ไม่นับรวมพวกที่อุทิศตนเองเพื่อประชาชน ซึ่งแบบหลังนี้น่ายกย่อง ต่างจากพวกแรก
 

 
คำสั่ง คสช.ก่อให้เกิดช่องว่าง และช่องโหว่ของการรั่วไหลบนวาทกรรมที่สวยหรู “ท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด” ในมุมกลับกัน อาจหมายถึงตั๋วที่อนุญาตให้ “โกยได้โกยเอา” หากการตรวจสอบเป็นไปแบบละเลย และล้มเหลว สวนทางต่อแนวทางของ คสช.ที่จะเอาจริงเอาจังต่อผู้ไม่ซื่อตรง โกงกินแผ่นดินอย่างเฉียบขาด
 
จนถึงวันนี้กำลังจะล่วงเข้าสู่ปี 2559 “สนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช” ที่มากมายไปด้วยสิ่งชำรุดทรุดโทรมกำลังค่อยๆ ต่อไปอาจจะกลายเป็น “อนุสาวรีย์แห่งความเสื่อม” ที่ใหญ่ที่สุดประจำจังหวัด หรือในภาคใต้ก็เป็นแล้ว
 
ส่วนจะเป็นการประจานใคร หรือหน่วยงานไหนหรือไม่ เรื่องนี้ต้องติดตามกันต่อไป!!
 
กรณีความไม่ชอบมาพากลของ “สนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช” เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องเฝ้าจับตาดูกันต่อไปว่า หลังเปลี่ยนศักราชใหม่สู่ปี 2559 จะมีความเคลื่อนไหวของ “คสช.” “สตง.” “สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)” รวมถึงบรรดา “นักการเมือง” และ “ผู้รับเหมา” กันอย่างไร
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น