ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ดราม่ากันต่อ ผบช.ภ.8 แฉกรณี “พล.ต.ต.ปวีณ” อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีโรฮีนจาลาออก สาเหตุน่าจะมาจากผิดหวังตำแหน่ง ชี้หากมีความไม่สบายใจอะไรก็ขอให้กลับมาประเทศไทยเพื่อพูดคุยกัน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า ถูกข่มขู่กรณีทำคดีค้ามนุษย์ ว่า ในเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นขอให้สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปได้ตรวจสอบดูให้ดีว่า พล.ต.ต.ปวีณ นั้นเป็นเด็กของใคร และผิดหวังมากจากเรื่องอะไร หรืออาจจะเกิดจากการไม่ได้รับการพิจารณาความดีความชอบดังที่คาดหวังไว้ จึงไม่ค่อยสบอารมณ์ ซึ่งตนคิดว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ไว้ชัดเจนแล้วว่า ขอให้ พล.ต.ต.ปวีณ หากมีความไม่สบายใจอะไรก็ขอให้กลับมาประเทศไทยเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งจะดีกว่าการไปพูดกับสื่อต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบไม่เฉพาะองค์กรตำรวจ แต่มันส่งผลต่อประเทศชาติ เพราะฉะนั้นกลับมาเถอะครับ
“ท่านปวีณ กับผมก็เป็นพี่น้องกัน คิดว่าไม่มีใครสนิทสนม และรู้จักท่านปวีณดีกว่าผมแล้ว ซึ่งพี่น้องชาวภูเก็ต และสุราษฏร์ธานี ที่ร่วมงานกันก็ทราบดีว่าผมกับท่านปวีณ มีความผูกพันกันมากขนาดไหน ฉะนั้นมีอะไรก็กลับมามาพูดมาคุยกันดีกว่า” พล.ต.ท.เทศา กล่าว
พล.ต.ท.เทศา กล่าวต่ออีกว่า ในเรื่องของคดีการค้ามนุษย์นั้น ในการสอบสวนก็เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย โดย พล.ต.ต.ปวีณ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีในพื้นที่ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ส่วนตนรับผิดชอบพื้นที่หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งที่ผ่านมา ตนไม่เคยถูกใครข่มขู่ และผู้ต้องหาก็กลุ่มเดียวกัน เพราะเราทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการสืบสวนก่อนที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับชัดเจน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว มีอะไรก็กลับมาพูดมาคุยกันก็น่าจะเป็นข้อยุติที่ดี
“ส่วนตัวก่อนเกิดกรณีดังกล่าว ไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ มานานนับปีแล้ว เนื่องจากทำงานคนละพื้นที่ ในช่วงนั้นตนย้ายไปเป็นจเรตำรวจ และผู้บัญชาการประจำ ก่อนกลับมาที่ภาค 8 ส่วนสาเหตุที่ปฏิเสธรับ พล.ต.ต.ปวีณ เข้าดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นั้น เป็นเพราะ พล.ต.ต.ปวีณ เป็นนายตำรวจที่ไม่ค่อยมีวินัย ไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา และเมื่อไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา หากทำงานร่วมกันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้น จึงตัดปัญหาไม่รับ พล.ต.ต.ปวีณ ดังกล่าว” พล.ต.ท.เทศา กล่าวและว่า
หลังจากเข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ก็ยังไม่ได้เจอกับ พล.ต.ต.ปวีณ แม้แต่ครั้งเดียว เพราะเมื่อคำสั่งแต่งตั้งแล้วเสร็จ พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีค้ามนุษย์ของภาค 9 เสร็จสิ้น ก็ได้เขียนใบลากิจ 10 วันทิ้งไว้ ซึ่งตนก็ได้เซ็นอนุมัติไว้ และ พล.ต.ต.ปวีณ ก็ไม่กลับมาทำหน้าที่ และได้ยื่นหนังสือลาออกต่อทาง ผบ.ตร.
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ ออกมาให้ข่าวระบุว่าถูกข่มขู่นั้น พล.ต.ท.เทศา กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะมี หากมีจริงก็อยากให้ พล.ต.ต.ปวีณ ระบุออกมาให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ข่มขู่ หรือใครเป็นคนเตือนว่าให้เปลี่ยนรถบ่อยๆ ใครเป็นคนเตือนท่านว่าระวังนะอย่าออกหมายจับคนโน้นคนนี้ ให้ระบุมาให้ชัดเจน อย่าพูดลอยๆ ทำให้เสื่อมเสีย เพราะเป็นถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับบัญชาแล้วจะพูดอะไรออกไปไม่ควรทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือคนที่ทำงานในพื้นที่เสียขวัญ เพราะมีผู้ที่ทำงานเสี่ยงอันตรายกว่า พล.ต.ต.ปวีณ อีกเยอะแยะ ฉะนั้นมีอะไรกลับมาพูดให้ชัดเจนเลยจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.เทศา กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการคดีค้ามนุษย์ในความรับผิดชอบของภาค 8 ว่า ได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการศาลจังหวัดปากพนัง ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 68 คน จับไปแล้ว 30 คน และยังหลบหนีอีก 38 คน ซึ่งได้แบ่งกลุ่มของผู้ต้องหาออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มนายหน้า 2.กลุ่มคนเตรียมการที่จะส่ง 3.กลุ่มขนส่ง 4.กลุ่มทางการเงิน 5.กลุ่มผู้กักกัน และ 6.กลุ่มนำส่งต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของผู้ที่หลบหนีนั้นเชื่อว่ามีทั้งหลบหนีอยู่ในประเทศ และหลบหนีออกไปต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามของเจ้าหน้าที่ ในจำนวนทั้งหมดไม่มีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า ถูกข่มขู่กรณีทำคดีค้ามนุษย์ ว่า ในเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นขอให้สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปได้ตรวจสอบดูให้ดีว่า พล.ต.ต.ปวีณ นั้นเป็นเด็กของใคร และผิดหวังมากจากเรื่องอะไร หรืออาจจะเกิดจากการไม่ได้รับการพิจารณาความดีความชอบดังที่คาดหวังไว้ จึงไม่ค่อยสบอารมณ์ ซึ่งตนคิดว่าสิ่งที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ไว้ชัดเจนแล้วว่า ขอให้ พล.ต.ต.ปวีณ หากมีความไม่สบายใจอะไรก็ขอให้กลับมาประเทศไทยเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งจะดีกว่าการไปพูดกับสื่อต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบไม่เฉพาะองค์กรตำรวจ แต่มันส่งผลต่อประเทศชาติ เพราะฉะนั้นกลับมาเถอะครับ
“ท่านปวีณ กับผมก็เป็นพี่น้องกัน คิดว่าไม่มีใครสนิทสนม และรู้จักท่านปวีณดีกว่าผมแล้ว ซึ่งพี่น้องชาวภูเก็ต และสุราษฏร์ธานี ที่ร่วมงานกันก็ทราบดีว่าผมกับท่านปวีณ มีความผูกพันกันมากขนาดไหน ฉะนั้นมีอะไรก็กลับมามาพูดมาคุยกันดีกว่า” พล.ต.ท.เทศา กล่าว
พล.ต.ท.เทศา กล่าวต่ออีกว่า ในเรื่องของคดีการค้ามนุษย์นั้น ในการสอบสวนก็เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย โดย พล.ต.ต.ปวีณ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีในพื้นที่ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ส่วนตนรับผิดชอบพื้นที่หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งที่ผ่านมา ตนไม่เคยถูกใครข่มขู่ และผู้ต้องหาก็กลุ่มเดียวกัน เพราะเราทำทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย มีการสืบสวนก่อนที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับชัดเจน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว มีอะไรก็กลับมาพูดมาคุยกันก็น่าจะเป็นข้อยุติที่ดี
“ส่วนตัวก่อนเกิดกรณีดังกล่าว ไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ มานานนับปีแล้ว เนื่องจากทำงานคนละพื้นที่ ในช่วงนั้นตนย้ายไปเป็นจเรตำรวจ และผู้บัญชาการประจำ ก่อนกลับมาที่ภาค 8 ส่วนสาเหตุที่ปฏิเสธรับ พล.ต.ต.ปวีณ เข้าดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 นั้น เป็นเพราะ พล.ต.ต.ปวีณ เป็นนายตำรวจที่ไม่ค่อยมีวินัย ไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา และเมื่อไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา หากทำงานร่วมกันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้น จึงตัดปัญหาไม่รับ พล.ต.ต.ปวีณ ดังกล่าว” พล.ต.ท.เทศา กล่าวและว่า
หลังจากเข้ามารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ก็ยังไม่ได้เจอกับ พล.ต.ต.ปวีณ แม้แต่ครั้งเดียว เพราะเมื่อคำสั่งแต่งตั้งแล้วเสร็จ พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีค้ามนุษย์ของภาค 9 เสร็จสิ้น ก็ได้เขียนใบลากิจ 10 วันทิ้งไว้ ซึ่งตนก็ได้เซ็นอนุมัติไว้ และ พล.ต.ต.ปวีณ ก็ไม่กลับมาทำหน้าที่ และได้ยื่นหนังสือลาออกต่อทาง ผบ.ตร.
ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต.ปวีณ ออกมาให้ข่าวระบุว่าถูกข่มขู่นั้น พล.ต.ท.เทศา กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะมี หากมีจริงก็อยากให้ พล.ต.ต.ปวีณ ระบุออกมาให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ข่มขู่ หรือใครเป็นคนเตือนว่าให้เปลี่ยนรถบ่อยๆ ใครเป็นคนเตือนท่านว่าระวังนะอย่าออกหมายจับคนโน้นคนนี้ ให้ระบุมาให้ชัดเจน อย่าพูดลอยๆ ทำให้เสื่อมเสีย เพราะเป็นถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับบัญชาแล้วจะพูดอะไรออกไปไม่ควรทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือคนที่ทำงานในพื้นที่เสียขวัญ เพราะมีผู้ที่ทำงานเสี่ยงอันตรายกว่า พล.ต.ต.ปวีณ อีกเยอะแยะ ฉะนั้นมีอะไรกลับมาพูดให้ชัดเจนเลยจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.เทศา กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการคดีค้ามนุษย์ในความรับผิดชอบของภาค 8 ว่า ได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการศาลจังหวัดปากพนัง ไปแล้วเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้ต้องหาทั้งหมด 68 คน จับไปแล้ว 30 คน และยังหลบหนีอีก 38 คน ซึ่งได้แบ่งกลุ่มของผู้ต้องหาออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มนายหน้า 2.กลุ่มคนเตรียมการที่จะส่ง 3.กลุ่มขนส่ง 4.กลุ่มทางการเงิน 5.กลุ่มผู้กักกัน และ 6.กลุ่มนำส่งต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของผู้ที่หลบหนีนั้นเชื่อว่ามีทั้งหลบหนีอยู่ในประเทศ และหลบหนีออกไปต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามของเจ้าหน้าที่ ในจำนวนทั้งหมดไม่มีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องแต่อย่างใด