xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.ปัดไม่เคยกลั่นแกล้ง “ปวีณ” ย้ายไปทำงาน ศชต.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“บิ๊กแป๊ะ” ย้ำ “ปวีณ” ลาออกไม่เกี่ยวหน้าที่การงาน ปัดกลั่นแกล้ง หรือมีใบสั่งการเมือง ชี้หากเกรงไม่เป็นธรรมร้อง กองร้องทุกข์-ฟ้องศาลปกครองได้ เผยเสียดายคนมีความรู้ความสามารถ

วันนี้ (9 พ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (รอง ผบช.ภ.8) รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รอง ผบช.ศชต.) หัวหน้าทีมพนักงานสอบสวนในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการตำรวจหลังถูกย้ายไปประจำที่ ศชต.ว่า เรื่องนี้ตนขอชี้แจงว่าเมื่อข้าราชการตำรวจได้รับการแต่งตั้ง โยกย้ายไปรับตำแหน่งที่ไหนก็ตาม หากไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือคิดว่าผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้งก็สามารถแจ้งไปได้ 2 ช่องทาง คือ กองร้องทุกข์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฟ้องศาลปกครอง ที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายหรือคิดว่าผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้ง ก็จะไปร้องที่กองร้องทุกข์ เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม คณะกรรมการก็จะมีการพิจารณาว่าเป็นตามที่ร้องเรียนหรือไม่ หากร้องมาทางกองร้องทุกข์ก็จะเยียวยาให้ในวาระต่อไป หรือหากไปฟ้องศาลปกครอง และศาลเห็นว่าควรได้รับการเยียวยาก็ส่งเรื่องมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการเยียวยาเยอะมาก และได้ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคน

“ส่วนเหตุผลที่ พล.ต.ต.ปวีณลาออกนั้น ทราบมาว่าเพื่อไปดูแลบิดามารดา ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน ส่วนการลาออกจะกระทบจิตใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในหน่วยงานหรือไม่นั้น คงไม่ การลาออกเป็นความสมัครใจของ พล.ต.ต.ปวีณ แต่หากไปพูดว่ากลัวตาย ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ทางภาคใต้ก็คงหวาดกลัวไปด้วย ผมไม่รู้ว่าพูดไปในทิศทางไหนบ้างหรือมีนัยอะไร หลังจากนี้ผมคงต้องกลับมาทบทวนว่าจะนำใครมาทำคดี คงต้องถามว่ากลัวตายหรือไม่ กลัวถูกฟ้องร้องหรือไม่ เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นผมถือว่าเป็นตัวอย่าง จะได้จำไว้ จะได้เรียกพนักงานสอบสวนมาถามก่อนว่ากลัวตาย กลัวโดนฟ้องร้องหรือไม่ หากกลัว ผมก็ไม่เอามาทำงาน ผมทำคดีมาเยอะยังไม่เห็นกลัวเลย ผมจับคนมาเยอะแยะ ส่วนที่ถามว่าผมกลัวตายหรือกลัวโดนฟ้องร้องหรือไม่ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องตายกันหมด วันนี้หรือวันหน้าก็ไม่ต่างกัน จะทำอย่างไรให้องค์กรมีความสามัคคี ไม่รู้ว่ากระแสข่าวเหล่านี้มีนัยยะอะไรหรือไม่ คนอื่นแต่งตั้งโยกย้ายไปตั้งเยอะแยะ แต่ละคนก็ไม่เห็นมีปฏิกิริยาอะไรเลย เหตุผลความจำเป็นของผู้บังคับบัญชามีอยู่แล้ว เป็นข้าราชการวินัยสำคัญที่สุด” ผบ.ตร.ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ.ตร.ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.ต.ปวีณหรือไม่ หลังจากมีกระแสข่าวเรื่องดังกล่าวออกมา พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปวีณยังไม่คุยกับตนเลย ยังไม่มีการถามเหตุผลที่มาที่ไปเป็นอย่างไร การลาออกเป็นเหตุผลส่วนตัวเชื่อว่า พล.ต.ต.ปวีณคงคิดดีที่สุดแล้วมีความรอบคอบแล้วจึงได้ตัดสินใจลาออก

ถามว่า ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ปวีณได้มีการขอย้ายไปประจำยังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) แต่ก็ไม่ได้ย้ายไป มาตอนนี้มีการโยกย้ายให้ไปประจำ ศชต. เหตุใดจึงไม่อยากไปแล้ว พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบและได้สอบถามไปยัง บช.ภ.8 พบว่า พล.ต.ต.ปวีณเคยสมัครใจไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ต่อมายกเลิก ตนคิดว่าช่วงนั้นอาจมีทวีคูณก็ได้ ทุกคนหวังจะก้าวหน้ากันทุกคน

เมื่อถามว่า ผบ.ตร.จะมีการยับยั้งใบลาออกของ พล.ต.ต.ปวีณหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับการติดต่อจาก พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งได้ยื่นใบลาออกมาทาง ศชต. ก็ว่ากันไปตามระเบียบ จะยับยั้งไว้ยังไง เอาไว้ที่ไหน ส่วนมีการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นว่าได้รับการข่มขู่คล้ายกับกรณีของ พล.ต.ต.ปวีณหรือไม่นั้น ตนไม่ได้ข่าวเรื่องนี้ ส่วนทำไมเหตุผลของ พล.ต.ต.ปวีณที่ออกมาว่าถูกข่มขู่และกลัวครอบครัวได้รับอันตรายนั้น หากเป็นเหตุผลนี้จริงก็สามารถร้องขอการคุ้มกันได้ พล.ต.ต.ปวีณเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

เมื่อถามว่าจะมีการเรียก พล.ต.ต.ปวีณมาพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนคงไม่คุย หากจะคุยก็คงคุยแต่แรกแล้ว ตนไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร ส่วน พล.ต.ต.ปวีณจะมีอะไรในใจหรือไม่นั้นคงต้องไปถามเอง ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า พล.ต.ต.ปวีณทำคดีโรฮีนจาซึ่งเป็นคดีใหญ่แต่กลับถูกย้ายไปประจำในพื้นที่ซึ่งเป็นระนาบเดียวไม่มีความก้าวหน้า และเป็นพื้นที่อันตรายต่อตนเองจึงเกิดความน้อยใจนั้น ตนคิดว่าเป็นเหตุผลส่วนตัว ต้องกลับไปถามว่าทำไมถึงอยู่ที่ บช.ภ.8 ไม่ได้ ทำไม ผบช.ภ.8 ถึงไม่รับ เรื่องพวกนี้พูดไปก็ต่อความยาวสาวความยืด คนละมุมมอง คนละมิติ ตนมีหน้าที่ในการแก้ปัญหาของแต่ละคนเหมือนกัน

เมื่อถามว่าก่อนจะมีการย้าย พล.ต.ต.ปวีณไปประจำที่ ศชต.นั้นมีการวางคนอื่นไว้หรือชี้ไปที่ พล.ต.ต.ปวีณคนเดียวเลย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนเคยบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าที่ ศชต.มีคดีความมั่นคง ทุกคนก็ทราบดีว่า พล.ต.ต.ปวีณเก่งงานสอบสวน และคดีที่ ศชต.ศาลยกฟ้องตลอด ที่ให้ พล.ต.ต.ปวีณไปประจำที่ ศชต.เพราะจะให้ดูคดีโรฮีนจาต่อ และเดิมทีก็เคยสมัครใจไปแค่นั้นเอง เหตุผลไม่ได้มีอะไรเลย พล.ต.ต.ปวีณเป็นคนดี เป็นนักเรียนปกครอง

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าไม่มีใบสั่งจากทางการเมืองหรือมีการกลั่นแกล้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่มี ตนรับผิดชอบคนเดียว การแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ได้เกี่ยวเรื่องการเมืองเลย ตนบอกช่องทางการร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว แต่ พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ใช้วิธีร้องทุกข์ แต่ใช้วิธีลาออก ส่วนจะมีการให้ขวัญกำลังใจในพื้นที่อย่างไรเมื่อ พล.ต.ต.ปวีณลาออกนั้น เชื่อว่าข้าราชการตำรวจเข้าใจการโยกย้ายอยู่แล้ว ตนเคยถูกย้ายก็ไม่เห็นจะทุรนทุรายเลย ตนไม่เคยถามเหตุผลผู้บังคับบัญชา ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าที่ พล.ต.ต.ปวีณลาออกเพราะมีการออกหมายจับ พล.ท.มนัสนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน น่าจะเป็นการเอาเรื่องมาโยงกันเพื่อให้ดูดีหรือเปล่า ตนไม่แน่ใจ เพราะการออกหมายจับไม่ใช่ พล.ต.ต.ปวีณคนเดียว แต่เป็นคณะทำงาน ตนไม่ทราบว่าคณะทำงานเดียวกันกับ พล.ต.ต.ปวีณถูกปรับย้ายไปกี่คน เมื่อเป็นแบบนี้ไม่ต้องลาออกทุกคนเลยหรืออย่างไร ตนไม่ทราบ ตนเป็นหัวหน้าตนรับผิดชอบเองทั้งหมด ไม่มีใครมาเกี่ยวข้อง จะฟ้องก็มาฟ้องตน พล.ต.ต.ปวีณยื่นใบลาออกไปแล้วตนไม่รู้จะทำอย่างไร อุดมคติก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต ส่วนหลังจากนี้จะพิจารณาใครไปทำหน้าที่แทน พล.ต.ต.ปวีณนั้น ตนได้สอบถามไปยัง ศชต.แล้ว ได้ความว่าหากไม่มีใครไป ศชต.ก็บริหารจัดการได้ แต่หากมีใครสมัครใจไป ตนก็จะออกคำสั่งให้ไป เรื่องเหล่านี้เป็นการบริหารจัดการภายใน ไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรก็ตามตนเสียดาย พล.ต.ต.ปวีณ เพราะเป็นคนที่มีความรู้
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น