ปัตตานี - การดำเนินกิจกรรมจัดตั้ง “โซลาร์ฟาร์ม” กับกลุ่มสหกรณ์ประมงรอบอ่าวปัตตานีส่อพิรุธ อาจนำไปสู่การขัดต่อระเบียบกฎหมายเพราะพบมีการลัดขั้นตอน
วันนี้ (10 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของการดำเนินโครงการพสกนิกรรอบอ่าวของสภาเกษตรกร เพื่อยกฐานะรายได้ และความเป็นอยู่ของชาวประมงรอบอ่าวปัตตานีนั้น ทางกลุ่มได้ดำเนินการจดทะเบียนขึ้นเป็นสหกรณ์การเกษตรพสกนิกรรอบอ่าวปัตตานี สู่สันติสุข จำนวน 12แห่ง เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการระดมทุนของสมาชิกตามขั้นตอนของการจัดตั้งเป็นสหกรณ์
ภายหลังการดำเนินงานของโครงการพบมีพิรุธ อาจนำสู่ความไม่โปร่งใสของการดำเนินกิจกรรมของโครงการดังกล่าวที่ใช้งบประมาณกลางเกือบทั้งหมด และอาจนำไปสู่การเป็นเงื่อนไขของการสร้างปัญหาในพื้นที่เพิ่ม เนื่องจากทางกลุ่มได้มีแผนงานที่จะเซ็นสัญญากับเอกชนในการดำเนินการโครงการโซลาร์ฟาร์ม หรือโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขึ้น 2 แห่ง ภายในพื้นที่ ต.ตะโล๊ะกาโปร์ และในพื้นที่ ต.หนองแรด บนที่ดินสาธารณประโยชน์ รวมเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 แห่งตั้งอยู่ในเขต อ.ยะหริ่ง
โดยขณะนี้ทางกลุ่มได้มีการรวม 5 สหกรณ์ เป็นสหกรณ์เดียว จาก 12 สหกรณ์ เพื่อเข้ามาจัดการผลประโยชน์ของการดำเนินโครงการโซลาร์ฟาร์มให้แก่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวตามแผนงานแล้ว ทางกลุ่มสหกรณ์ฯ จะมีการเซ็นสัญญาข้อตกลงร่วมกัน (MOU) กับผู้ประกอบการเอกชนแห่งหนึ่งภายในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกเข้ามาดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นทั้ง 2 แห่ง และอาจเพิ่มอีก 1 แห่ง ในพื้นที่ ต.แหลมโพธิ์ บนพื้นที่เอกชนในเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่
ในขณะเดียวกัน ขั้นตอนของการดำเนินงานไม่ได้ผ่านเป็นไปตามระเบียบของสหกรณ์ และไม่ได้อยู่ในสถานะของสหกรณ์ที่พร้อมที่จะดำเนินในเรื่องของพลังงานได้เลย เพราะมีระเบียบกำหนดไว้ชัดให้สหกรณ์ที่ผ่านการประเมินเท่านั้น แต่สหกรณ์การเกษตรพสกนิกรรอบอ่าวฯ พึ่งจดทะเบียนไม่ถึงปี จึงไม่ได้เข้าเกณฑ์ต้องประเมิน
ล่าสุด ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองกิจกรรมของโครงการพสกนิกรรอบอ่าวฯ ทั้งหมด โดยมี รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 นั่งเป็นประธาน ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นั่งเป็นรองประธาน และตัวแทนจากภาคส่วน และองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มานั่งเป็นคณะกรรมการในชุดนี้ ภายหลังจากมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกกลั่นกรองโครงการดังกล่าว จึงได้นัดประชุมด่วนภายในศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริค่ายอิงคยุทธบริหาร
โดยมี พล.ต.ธนะ เชียงทอง นั่งหัวโต๊ะ พ.อ.จีรัชญ์ บุญชญา รองผู้อำนวยการโครงการการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายเภกิงศักดิ์ ยกศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ตัวแทนจากพลังงานจังหวัดปัตตานี ตัวแทนสหกรณ์จังหวัดปัตตานี นายกสมาคมประมงพื้นบ้านปัตตานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยในที่ประชุมได้มีการพิจารณาประเด็นการดำเนินการของโครงการพสกนิกรรอบอ่าวปัตตานี ว่า ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง และมีการชี้แจงการดำเนินการจดจัดตั้งเป็นสหกรณ์การเกษตรพสกนิกรรอบอ่าวปัตตานี สู่สันติสุข จากรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะเป็นผู้มอบหนังสือรับรองของการจัดตั้งเป็นสหกรณ์ดังกล่าวทั้ง 12 แห่ง และมีการชี้แจงเพิ่มเติมจากตัวแทนสหกรณ์จังหวัด ถึงสถานะของสหกรณ์ดังกล่าวในดำเนินการในเรื่องใดบ้าง
ซึ่งในที่ประชุมได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงการดำเนินการของโครงการพสกนิกรรอบอ่าวฯว่า ส่อมีพิรุธ มีการดำเนินการแบบรวบรัด ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบ จึงอาจนำสู่การดำเนินการผิดระเบียบกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องการดำเนินในเรื่องพลังงานทดแทน ที่ทางสหกรณ์มีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิดให้ได้ ทั้งที่สถานะของสหกรณ์ฯ ไม่ได้เข้าข่ายจะเป็นคู่สัญญากับเอกชนที่จะดำเนินการตามกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีหนังสือแจ้ง (ที่ กษ 1107/11307 ลงวันที่ 12 ตค.58) ให้สหกรณ์จังหวัดแนะนำสหกรณ์ภาคการเกษตรที่สนใจในการเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตรในการเข้าร่วมโครงการภายใต้เงื่อนไข และกฎเกณฑ์ 7 ข้อ
นอกจากนั้น ยังพบว่าในพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าในระยะที่ 1 แต่อย่างใด มีในพื้นที่ภาคเหนือ 5 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ภาคตะวันออก 87 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ภาคตะวันตก 150 เมกะวัตต์ และในพื้นที่ภาคกลาง 138 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ทางสหกรณ์จังหวัดปัตตานีได้ดำเนินแจ้งให้ทางสหกรณ์รับทราบแล้ว แต่ทางสหกรณ์ก็ยังคงมีการดำเนินการอยู่ ในที่ประชุมจึงมอบหมายให้ทางสหกรณ์มีการตรวจสอบในเรื่องของสัญญาที่อาจมีขึ้นในเร็วๆ นี้ เกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้บริหารสหกรณ์เองที่ส่วนใหญ่มาจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้ และไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพลังงานมากนัก