ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตตามรวบหนุ่มใหญ่ชาวภูเก็ต ขโมยบัตรเครดิตนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรูดซื้อสินค้าราคาแพงตามห้าง ก่อนนำขายให้ร้านในเครือข่าย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 1 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่บริเวณหน้ากองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน รอง ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายพิธาวัชร์ อัครฐิติวีรกุล หรือชื่อเดิม นายกาวาง ฝ้ายเพ็ชร์ หรือนายอนุชิต ฝ้ายเพ็ชร์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/3 ม.6 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก พื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเครดิตของชาวต่างชาติ) จำนวน 5 ใบ รถยนต์ จำนวน 2 คัน บุหรี่จำนวน 300 ห่อ (60,000 มวน) มูลค่าประมาณ 180,000 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 3 เครื่อง มูลค่าประมาณ 47,000 บาท นาฬิกายี่ห้อ Gucci จำนวน 1 เรือน มูลค่าประมาณ 30,000 บาท และกล้องถ่ายรูปยี่ห้อโซนี่ จำนวน 1 ตัว มูลค่า 30,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดดังกล่าวถูกนำขายที่กรุงเทพมหานครก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย โทรศัพท์ยี่ห้อแอปเปิล รุ่นไอโฟน 6 เอส พลัส จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์ยี่ห้อแอปเปิล รุ่นไอโฟน 6 เอส จำนวน 10 เครื่อง และแท็บเล็ตยี่ห้อแอปเปิล รุ่นไอแพดมินิ จำนวน 2 เครื่อง และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ มูลค่าความเสียหายประมาณ 1 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ห้างเทสโก้โลตัส สาขาฉลอง ต่อเนื่องซอยเขาปิหลาย ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 29 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.จว.ภูเก็ต และ พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน รอง ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ซึ่งได้รับการประสานจากทางธนาคารว่ามีการนำเอาบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาใช้ชำระค่าสินค้าในลักษณะที่ผิดปกติในพื้นที่ จ.ภูเก็ต น่าเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพขโมยมาใช้ หลังได้รับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนตามจุดต่างๆ ที่คนร้ายนำบัตรไปใช้ จนได้ตำหนิรูปพรรณของคนร้าย ซึ่งตรงกับผู้ต้องหานี้ พร้อมกับพวกซึ่งมีประวัติการกระทำผิดเกี่ยวกับลักษณะดังกล่าวมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของคนร้ายพบว่าคนร้ายจะก่อเหตุตามห้างสรรพสินค้าในเวลาประมาณ 14.00 น. ทุกครั้งที่ก่อเหตุ และเชื่อว่าคนร้ายต้องก่อเหตุอีกอย่างแน่นอน จึงได้จัดวางกำลังเพื่อทำการจับกุม
ต่อมาในวันที่ 29 พ.ย. 58 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหากำลังใช้บัตรเครดิตชำระสินค้าอยู่ในห้างเทสโก้โลตัส สาขาฉลอง จึงได้เฝ้าติดตามเนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายมิได้กระทำเพียงคนเดียว พบว่าผู้ต้องหาได้เดินไปขึ้นรถยนต์ที่มีเพื่อนสตาร์ทเครื่องยนต์รออยู่ จึงได้แสดงตนเข้าทำการจับกุม ผู้ต้องหาได้ขึ้นรถยนต์ที่มีเพื่อนเป็นคนขับหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์จนแตก จึงได้ทิ้งรถยนต์คันดังกล่าวไว้ที่ซอยป่าหล่าย กรีน ก่อนจะขึ้นรถยนต์มาสด้า 2 หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้ด่านตรวจท่าฉัตรไชยทราบและสกัดหากคนร้ายหลบหนีออกทางด่านดังกล่าว จนเวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจได้พบรถยนต์คันที่ได้รับแจ้งกำลังวิ่งออกไปยัง จ.พังงา จึงได้ติดตามไปและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นทราบ และสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้ในที่สุดพร้อมของกลาง
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาทำงานกันเป็นเครือข่าย โดยจะมีทีมที่ทำหน้าที่ขโมยเอาบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยว ซึ่งใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางบนรถโดยสารในระหว่างเดินทาง เมื่อขโมยบัตรมาได้แล้วจะส่งบัตรที่ได้ให้แก่ผู้ต้องหาทางคาร์โก้ หรือนำมาส่งที่สนามบิน จากนั้นผู้ต้องหากับพวกก็จะรีบเอาบัตรเครดิตที่ได้มาไปซื้อสินค้าตามห้างร้านต่างๆ เน้นสินค้าที่เป็นชิ้นเล็กๆ แต่ราคาแพง จากนั้นจะนำสินค้าที่ได้ไปขายให้ร้านในเครือข่ายก่อนที่จะนำเงินมาแบ่งกัน โดยคนที่ส่งบัตรมาให้จะได้รับเงิน 10,000 บาทต่อบัตร 1 ใบ หากบัตรดังกล่าวสามารถนำไปซื้อสินค้าได้ โดยในการตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ จ.ภูเก็ตในครั้งนี้ผู้ต้องหาจะร่วมกับนายรักรบ หรืออัฐ ดรุณพันธ์ ซึ่งเป็นผู้ขับรถหลบหนี ในขณะเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมที่ห้างเทสโก้โลตัสสาขาฉลอง
หลังจับกุมทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา นายพิธาวัชร์ อัครฐิติวีรกุล ร่วมกับ นายรักรบ หรืออัฐ ดรุณพันธ์ (อยู่ระหว่างหลบหนี) ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมกับกล่าวว่าได้กระทำการลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง และที่ผ่านมาเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งอยู่ในระหว่างการประกันตัวในชั้นศาล