ตรัง - ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดตรัง ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้ประท้วงสถานทูตและรัฐบาลสหรัฐฯ กรณีก้าวก่ายกิจการภายในและสถาบันกษัตริย์ของไทย
วันนี้ (30 พ.ย.) ตัวแทนสมาชิกชมรมคนรักในหลวงจังหวัดตรัง ประมาณ 150 คน สวมใส่เสื้อตราสัญลักษณ์ชมรมสีชมพู พร้อมป้ายข้อความประท้วงสหรัฐอเมริกาและเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา นำโดย นายสุรพล วิชัยดิษฐ ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดตรัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ไปถึงรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ทำเรื่องประท้วงสถานทูตและรัฐบาลสหรัฐ ที่ก้าวก่ายกิจการภายในและสถาบันกษัตริย์ของไทย
พร้อมอ่านแถลงการณ์ในนามชมรมคนรักในหลวง ใจความว่า เนื่องจากวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ไปกล่าวในเวทีเสวนาที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มีข้อความที่วิจารณ์กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย โดยมีข้อความที่สำคัญว่า ป.อาญา ม.112 เป็นกฎหมายที่ขัดขวางเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การแสดงความคิดเห็นสันติไม่ควรถูกจำคุก และศาลไทยยังได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยด้วยความรุนแรงยาวนานเกินไป
นอกจากนั้น นายเกล็น ยังได้กล่าวว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุนบุคคล หรือองค์กรอิสระที่มีศักยภาพ ค้นคว้า และรายงานในประเด็นกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยไม่ต้องเกรงกลัวอันตรายใดๆ อย่างไรก็ตามเนื่องจาก นายเกล็น เป็นถึงเอกอัครราชทูต ดังนั้น การออกมากล่าวในที่สาธารณะ หรือวิจารณ์กฎหมายสำคัญของไทยในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ
ยิ่งกว่านั้น การกล่าวในลักษณะยุยงให้บุคคลอื่นๆ กระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายฉบับนี้ ย่อมถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดมารยาททางการทูต ทั้งยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดตาม ป.อาญา ม.112 (3) อีกด้วย ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีกฎหมายคุ้มครองประธานาธิบดีเช่นกัน อย่างเช่นกรณีเมื่อปี 2553 ที่ นายสเปนเซอร์ ชาวเมืองหลุยส์วิลส์ มลรัฐเคนตั๊กกี้ ได้ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกนานถึง 33 เดือน จากการกระทำในการเขียนบทกวีพาดพิงประธานาธิบดีสหรัฐ
ดังนั้น ก่อนที่จะก้าวก่ายประเทศไทย นายเกล็นควรที่จะได้ดูกฎหมายประเทศตนเองเสียก่อนว่า ขัดขวางเสรีภาพของประชาชน และมีการลงโทษมากเกินไปหรือไม่ ชมรมคนรักในหลวงในจังหวัดตรัง จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศของไทย ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาในเรื่องนี้ รวมทั้งดำเนินการตามวิถีทางการทูต เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี และอธิปไตยของประเทศไทยอย่างเร่งด่วนต่อไป