สธ.พัฒนา รพ.ละอุ่น จ.ระนอง รองรับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ระนอง - กระทรวงสาธารณสุข สร้างอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลละอุ่น จ.ระนอง ทดแทนตึกเดิม รองรับการเพิ่มของประชากร รวมทั้งนักท่องเที่ยว โดย จ.ระนอง ได้พัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนในจังหวัดรองรับนโยบายการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของรัฐบาล โดยมีลักษณะพิเศษคือ เป็นน้ำพุร้อนที่ไม่มีสารกำมะถันปะปน ทำให้ไม่มีกลิ่น

วันนี้ (23 พ.ย.) นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดอาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลละอุ่น โดยมี นายชัยวุฒิ บุญศรี ปลัดอาวุโสอำเภอละอุ่น (รักษาราชการแทนนายอำเภอละอุ่น) นายแพทย์ชัยพร สุชาติสุนทร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง นายแพทย์อธิศักดิ์ ตันสุเมธ ผอ.โรงพยาบาลจังหวัดระนอง พ.ต.อ.เสกสันต์ แก้วสว่าง ผกก.อำเภอละอุ่น และ อสม.อำเภอละอุ่น ร่วมให้การต้อนรับกว่า 200 คน

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อาคารใหม่ที่สร้างทดแทนอาคารเดิมที่เปิดให้บริการมานานกว่า 36 ปี คับแคบจากจำนวนผู้มารับบริการที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเตรียมพร้อมรองรับการท่องเที่ยวที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness Tourism) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันดำเนินการเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุปี 2557 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 24.7 ล้านคน นำรายได้เข้าประเทศประมาณ 1.17 ล้านล้านบาท ส่วนข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข มีชาวต่างชาติเข้ามารับบริการสุขภาพในประเทศไทย 1.2 ล้านครั้ง สร้างรายได้เข้าประเทศ 107,000 ล้านบาท

โดยดำเนินงานเพื่อรองรับ ได้แก่ จัดทำระบบประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติ พัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนนำร่อง 7 จังหวัด ขยายเวลาพำนักในไทย กรณีเข้ารักษาพยาบาลกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และจีน การพัฒนามาตรฐานการบริการสปาเพื่อสุขภาพ จัดทำแพกเกจสุขภาพพัฒนาสถานบริการทั้งภาครัฐ และเอกชน เป็นต้น

สำหรับ จ.ระนอง เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ได้พัฒนาเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว ลักษณะพิเศษของน้ำพุร้อนที่นี่คือ ไม่มีสารกำมะถัน ทำให้ไม่มีกลิ่น ซึ่งการแช่น้ำอุ่น น้ำพุร้อน น้ำแร่ มีประโยชน์ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย รักษาโรคผิวหนัง ผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และลดความเครียดได้ ได้นำมาใช้ในการบำบัดผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลายๆ แห่ง อย่างไรก็ตาม มีคำเตือนให้ระมัดระวังในกลุ่มเสี่ยงคือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น อาจได้รับอันตรายที่เกิดจากความร้อนภายในร่างกายเกิดการสะสมอย่างรวดเร็ว จนร่างกายปรับตัวไม่ทัน ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรวัดความดันโลหิตทุกครั้งก่อนแช่น้ำอุ่นจัด หรือน้ำร้อน หากพบว่ามีความดันโลหิตสูงก็ไม่ควรแช่น้ำร้อน หรือน้ำอุ่นจัด