ชุมพร - กู้ระทึกกระเป๋าเจมส์บอนด์ล็อกรหัสปิดเปิดนานกว่า 3 ชั่วโมง ชาวบ้านชายหญิง 3 คน นำมาวางที่ศาลาริมถนนเอเชีย หวังสร้างสถานการณ์
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ (16 พ.ย.) ร.ต.ท.บุญเกื้อ พูลชัย หัวหน้าชุดเก็บกู้ระเบิด กก.สส.ภ.จ.ชุมพร พร้อมกำลัง และอุปกรณ์เก็บกู้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งจาก พ.ต.ต.นพรัตน์ มาเมือง พนักงานสอบสวน สภ.ละแม จ.ชุมพร มีคนพบกระเป๋าต้องสงสัยว่าอาจมีวัตถุระเบิด ที่ศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนสายเอเชีย 41 หมู่ 4 ตำบลทุ่งหลวง อ.ละแม จ.ชุมพร จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.สำราญ อุชุภาพ ผกก.สภ.ละแม
ที่เกิดเหตุเป็นศาลาที่พักผู้โดยสารชั่วคราว ริมถนนสายเอเชีย 41 ช่วงหลัก กม.86 ช่องทางล่องใต้ ฝั่งตรงกันข้ามกับปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ เจ้าหน้าที่พบกระเป๋าเอกสารเจมส์บอนด์สีเทา-ดำ ชนิดปิดเปิดด้วยรหัสล็อกได้ตั้งอยู่ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าภายในกระเป๋าเป็นกระเป๋าเออกสาร หรือมีวัตถุระเบิดหรือไม่ และต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง พร้อมกับกันบรรดาไทยมุงที่ทราบข่าวแล้วพากันมามุงดูจำรนวนมากออกจากจุดที่พบกระเป๋า จากนั้นตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ขุดหลุมที่ใต้ถุนศาลาที่พักผู้โดยสาร และใช้เชือกกระชากกระเป๋าใบดังกล่าวด้วยความระมัดระวังเพื่อให้กระเป๋าตกลงไปในหลุมดังกล่าว
จนกระทั่งเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ใช้ปืนแรงดันน้ำยิงทำลายวงจรระเบิดที่อาจจะมีซุกอยู่ในกระเป๋าดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ภายในกระเป๋ามีเพียงสำสีปั่นหูอยู่เพียง 2 อันเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานท่ามกลางความโล่งอกของชาวบ้านจำนวนมากที่มาคอยลุ้น
จากการสอบสวนชาวบ้านที่พบ ทราบว่า เห็นหญิงสาวอายุประมาณ 25-30 ปี และชายวัยกลางคนอีก 2 คน นั่งพูดคุยกันแล้วได้ตั้งกระเป๋าเจมส์บอนด์ดังกล่าวไว้ หลังจากนั้นไม่นาน ชายหญิงทั้ง 3 คน ได้ออกไปจากศาลาโดยสารโดยไม่ได้สนใจสังเกตว่าเดินทางไปกับรถอะไร จนกระทั่งมาสังเกตเหตุกระเป่ายังวางทำให้เกิดความสงสัยจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ชายหญิงทั้ง 3 คนที่ถือกระเป๋าเจมส์บอนด์มานั่งคุยกันที่ศาลาที่พักผู้โดยสารอาจจะมีเจตนาตั้งใจที่จะนำกระเป๋าดังกล่าวซึ่งภายในไม่มีเอกสารสำคัญ หรือสิ่งของมีค่าใดๆ เลย นอกจากสำลีปั่นหู 2 อันเท่านั้น มาวางไว้เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ บนถนนเอเชีย 41 ที่คาดว่าชายหญิงทั้ง 3 คน ใช้เป็นเส้นทางสัญจรเพื่อนำตัวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป