สตูล - คุมตัวแม่ใจยักษ์! วัย 17 รับกดน้ำสังหารลูกน้อยในไส้ทิ้งถังขยะ จนมีผู้พบเห็นขณะคัดแยกขยะอยู่ภายในศูนย์คัดแยกขยะเทศบาลตำบลกำแพง อ.ละงู จ.สตูล อ้างถูกกดดัน เครียดไม่อยากให้เป็นภาระใคร
วันนี้ (14 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.ละงู ควบคุมตัวควบคุมนางฟ้า (นามสมมติ) วัย 17 ปี จากบังกะโลใน อ.มะนัง จ.สตูล หลังพบว่าเตรียมจะหลบหนีไป จ.ตรัง หลังนางฟ้า แม่ของหนูน้อยวัย 6 เดือน ซึ่งถูกพบเป็นศพในบ่อศูนย์คัดแยกขยะเทศบาลตำบลกำแพง อ.ละงู จ.สตูล เข้าสอบปากคำ หลังมีญาติเข้ามายืนยันว่า หนูน้อยที่กลายเป็นศพเป็นหลานของพวกตนจริง และแม่ของหนูน้อยเป็นคนพาหลานหายออกจากบ้านไปเมื่อเช้าวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเด็กก่อนกลายเป็นศพ
ด้าน พ.ต.อ.สันทัด วินสน รอง ผบก.ตร.ภ.จว.สตูล พร้อม พ.ต.อ.นิพล เหมสลาหมาด และ พ.ต.อ.โสภณ ปานสมทรง รอง ผบก.ภ.จว.สตูล พร้อม พ.ต.อ.อรุณ กุลสิรวิชย์ ผกก.สภ.ละงู ร่วมกันสอบปากคำหลังควบคุมตัวแม่หนูน้อยวัย 17 ปี มาสอบปากคำ ก่อนให้การรับสารภาพว่า ได้เป็นคนลงมือสังหารลูกน้อยในไส้จริง ด้วยการกดให้จมน้ำในห้องน้ำภายในบ้านปลักมาลัย ต.กำแพง ก่อนนำศพเด็กใส่ถุงดำไปทิ้งถังขยะที่ อ.ทุ่งหว้า โดยอ้างสาเหตุการลงมือฆ่าลูกในไส้ว่าเครียด และถูกกดดัน ไม่อยากให้ลูกเป็นภาระของคนอื่น
นางกิติยา ทองดี อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องคนละพ่อ กล่าวว่า วันเกิดเหตุนางฟ้า แม่วัย 17 ปี ได้มาอุ้มน้องซอฟา วัย 6 เดือน ลูกที่นอนหลับในบ้านไปตั้งแต่เช้า ในจังหวะที่น้องสาวอีกคนไปส่งลูกไปโรงเรียน กลับมานางฟ้า แม่ของเด็กได้บอกว่าได้ยกลูกให้เพื่อนซึ่งเป็นคนรักเด็กไปเลี้ยงที่หาดใหญ่แล้ว จากนั้นได้ออกจากบ้านไป ซึ่งทุกคนได้ทักท้วงว่าทุกคนเลี้ยงได้และพร้อมจะเลี้ยงให้ สำหรับนางฟ้า มีบุตร 2 คน คนโตอายุ 2 ปี ซึ่งพ่อของเด็กเอาไปเลี้ยง และแยกทางกันอยู่ ก่อนมาได้แฟนใหม่ มีลูกโดยแฟนใหม่ไม่ได้เป็นคนเลี้ยง ซึ่งทางนางฟ้า เป็นคนรักสนุกชอบเที่ยวเตร่ และทิ้งลูกไว้ให้คนในครอบครัวเลี้ยงตลอดเวลาที่ผ่านมา
จนทางครอบครัวมาได้ยินข่าวพบศพเด็กในกองขยะจึงเกิดลางสังหรณ์ใจว่าน่าจะเป็นหลานของตน จึงเดินทางไปขอดูศพที่มูลนิธิที่ จ.ตรัง แรกพบเห็นเสื้อที่ดำเปื้อนจึงขูดดูพบว่า เป็นชุดที่น้องซอฟา เคยสวมใส่ หน้าตา และผิวพรรณ พวกตนถึงกับร้องไห้ว่าเป็นหลานของพวกตนจริงๆ และได้ทำเรื่องขอรับศพน้องมาบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนา พร้อมกล่าวด้วยว่า น้องซอฟา เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย และก่อนเกิดเรื่องน้องยังเป็นโรคอีสุกอีใส และไม่คิดว่าแม่ของน้องจะใจดำลงมือทำได้ถึงขนาดนี้
ตำรวจ สภ.ละงู ได้ตั้งข้อหาฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และจะนำส่งฟ้องศาลฯเลย โดยไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ สำหรับการควบคุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นแม่ในครั้งนี้รู้ถึงชาวบ้านที่ติดตามข่าวสาร ได้มารอดูหน้าแม่ของเด็กที่โรงพัก สภ.ละงู กันเป็นจำนวนมาก เพื่อสาปแช่ง และดูถึงความใจดำที่ลงมือได้แม้แต่ลูกในไส้ของตัวเอง