ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พบแล้วสาเหตุน้ำเสียไหลลงทะเลที่หาดกะตะ ระบุชัดไม่ได้เกิดจากโรงแรมดังปล่อยน้ำเสีย แต่เกิดจากน้ำล้นจากบ่อพักน้ำเสียของเทศบาล
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (10 พ.ย.) นายประมุขพิสิฐ อัจริยะฉายประธานโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ป พร้อมด้วย นายฉัตรพร เจริญเวช นายช่างไฟฟ้า 7 หัวหน้างานบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาล วิศวกร ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริง กรณีมีน้ำเสียสีดำไหลลงทะเลบริเวณชายหาดกะตะ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ด้านข้างโรงแรมกะตะบีช รีสอร์ท จนมีการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ รวมทั้งเฟซบุ๊กที่โพสต์ภาพ ว่า น้ำเสียดังกล่าวปล่อยมาจากโรงแรมดังบริเวณหาดกะตะ บางรายระบุชื่อโรงแรมชัดว่าเป็นการปล่อยมาจากโรงกะตะบีช รีสอร์ท
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายประมุขพิสิฐ อัจริยะฉาย ประธานโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ป กล่าวว่า การโพสต์ข้อความต่างๆ ได้สร้างความเสียหายให้แก่ทางโรงแรมเป็นอย่างมาก บางรายด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แม้จากมีการชี้แจงถึงสาเหตุของน้ำเสียไหลลงในทะเลในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการปล่อยน้ำเสียของทางโรงแรมแต่อย่างใด เพราะในส่วนของโรงแรมมีการสร้างระบบบำบัดน้ำเสียของโรงแรมเองอยู่แล้ว และน้ำทั้งหมดที่ออกจากโรงแรมจะต้องผ่านระบบการบำบัดของโรงแรมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เมืองกะรนโตขึ้น ทางเทศบาลตำบลกะรนก็ได้มีการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียเฟสแรกเพื่อรองรับน้ำเสียจากสถานประกอบการต่างๆ ซึ่งจุดด้านข้างโรงแรมนั้นเป็นบ่อรวบรวมน้ำเสียของเทศบาลตำบลกะรน ก่อนที่จะสูบกลับไปยังบ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่ใช่บ่อเก็บน้ำเสียของทางโรงแรมแต่อย่างใด
และเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ที่มีชาวต่างประเทศถ่ายภาพน้ำเสียที่ล้นออกจากบ่อพักน้ำเสียไหลลงทะเล ในครั้งนั้นก็จะบุว่า โรงแรมกะตะเป็นผู้ปล่อยน้ำเสียลงทะเล ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปแล้วถึงสาเหตุที่แท้จริง และครั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวมาเกิดซ้ำอีก และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ การให้ร้ายทางโรงแรม ซึ่งขณะนี้ในส่วนของคนที่ด่าท่อ และทำให้โรงแรมได้รับความเสียหายผ่านทางโซเชียล มีประมาณ 20 รายแล้ว โดยทางโรงแรมจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ซึ่งทุกครั้งที่มีการแพร่ภาพน้ำเสียไหลลงชายหาดทางโรงแรมจะได้รับผลกระทบทุกครั้ง ทั้งๆ ที่สาเหตุของการมีน้ำเสียไหลลงทะเลในบริเวณดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการกระทำของทางโรงแรม แต่ทุกทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้ทุกคนก็จะคิดว่าโรงแรมเป็นคนทำ และปล่อยน้ำเสียลงชายหาด
ส่วนสาเหตุของการเกิดน้ำเสียไหลลงในทะเลบริเวณดังกล่าว เกิดจากระบบการทำงานของบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลตำบลกะรนขัดข้อง ทำให้ความสามารถในการสูบน้ำกลับทำไม่ได้ จนเป็นเหตุให้ปริมาณน้ำเสียซึ่งไหลมาจากสถานประกอบการต่างๆ ในกะตะ-กะรน ไหลล้นออกไปในทะเล ซึ่งเรื่องนี้ทางเทศบาลก็ทราบดี และพร้อมที่จะชี้แจงถึงสาเหตุของน้ำเสียที่ไหลลงในทะเลครั้งนี้
ขณะที่ นายฉัตรพร เจริญเวช นายช่างไฟฟ้า 7 หัวหน้างานบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลกะรน กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำเสียไหลลงทะเลในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากน้ำที่ล้นจากบ่อพักน้ำเสียของทางเทศบาลกะรน ที่ช่วงนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมรางกรองทราย ซึ่งในการซ่อมนั้นจะต้องหยุดระบบการทำงานทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะหยุดระบบจะมีการสืบน้ำเสียที่อยู่ในบ่อพักออกทั้งหมดก่อน ซึ่งได้มีการดำเนินการเรียบร้อย และมีการประเมินระยะเวลาในการซ่อมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นมีฝนตกแรงทำให้ปริมาณน้ำฝนและน้ำเสียไหลลงบ่อพักจำนวนมากจนล้นออกมา จนเป็นเหตุให้มีน้ำเสียสีดำไหลลงทะเลในวันนั้น อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางบริษัทที่เข้ามาดำเนินการได้เร่งซ่อมระบบจนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ส่วนตะกอนสีดำที่ทอยู่บนทรายที่บริเวณทางน้ำเสียไหลลงทะเลนั้น ทางเทศบาลได้ดำเนินการทำความสะอาดจนชายหาดกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะต่อไปนั้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ขณะนี้ได้เสนอของบประมาณจากเทศบาลประมาณ 20 ล้านบาท ในการสร้างบ่อพักน้ำเสียเพิ่มอีก 2 บ่อ เพื่อลดปริมาณน้ำเสียที่จะไหลลงในบ่อดังกล่าวให้เหลือน้อยที่สุด และอาจจะปิดการปล่อยน้ำเสียจากท่อเก็บรวบรวมน้ำเสียลงไปยังบ่อพักน้ำเสียดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุน้ำเสียล้นจากบ่อพักลงทะเล แต่ในกรณีที่เกิดฝนตกหนักก็ต้องปล่อยให้น้ำไหลลงบ่อพักเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทางเทศบาลขออนุมัติงบอีก 40 ล้านบาท ในการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียเฟสที่ 2 ซึ่งจะรองรับปริมาณน้ำเสียได้อีก 8,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมเฟส 1 มีอยู่แล้ว 6,000 ลูกบาศก์เมตร ถ้าเฟส 2 สร้างเสร็จก็จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำเสียของกะตะ-กะรนไปได้อีกประมาณ 5 ปี ปัจจุบัน มีโรงแรมในพื้นที่ประมาณ 154 โรงแรมที่ปล่อยน้ำเสีย และน้ำที่ผ่านการบำบัดโดยระบบโรงแรมลงท่อรวบรวมน้ำเสียของเทศบาล ซึ่งปัจจุบันพบว่าปริมาณน้ำเสียที่ไหลลงบ่อบำบัดเฟส 1 เกินอยู่ประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตร จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (10 พ.ย.) นายประมุขพิสิฐ อัจริยะฉายประธานโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ป พร้อมด้วย นายฉัตรพร เจริญเวช นายช่างไฟฟ้า 7 หัวหน้างานบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาล วิศวกร ร่วมกันแถลงข้อเท็จจริง กรณีมีน้ำเสียสีดำไหลลงทะเลบริเวณชายหาดกะตะ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ด้านข้างโรงแรมกะตะบีช รีสอร์ท จนมีการนำเสนอข่าวของสื่อต่างๆ รวมทั้งเฟซบุ๊กที่โพสต์ภาพ ว่า น้ำเสียดังกล่าวปล่อยมาจากโรงแรมดังบริเวณหาดกะตะ บางรายระบุชื่อโรงแรมชัดว่าเป็นการปล่อยมาจากโรงกะตะบีช รีสอร์ท
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายประมุขพิสิฐ อัจริยะฉาย ประธานโรงแรมเครือกะตะกรุ๊ป กล่าวว่า การโพสต์ข้อความต่างๆ ได้สร้างความเสียหายให้แก่ทางโรงแรมเป็นอย่างมาก บางรายด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แม้จากมีการชี้แจงถึงสาเหตุของน้ำเสียไหลลงในทะเลในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการปล่อยน้ำเสียของทางโรงแรมแต่อย่างใด เพราะในส่วนของโรงแรมมีการสร้างระบบบำบัดน้ำเสียของโรงแรมเองอยู่แล้ว และน้ำทั้งหมดที่ออกจากโรงแรมจะต้องผ่านระบบการบำบัดของโรงแรมอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เมืองกะรนโตขึ้น ทางเทศบาลตำบลกะรนก็ได้มีการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียเฟสแรกเพื่อรองรับน้ำเสียจากสถานประกอบการต่างๆ ซึ่งจุดด้านข้างโรงแรมนั้นเป็นบ่อรวบรวมน้ำเสียของเทศบาลตำบลกะรน ก่อนที่จะสูบกลับไปยังบ่อบำบัดน้ำเสีย ไม่ใช่บ่อเก็บน้ำเสียของทางโรงแรมแต่อย่างใด
และเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ที่มีชาวต่างประเทศถ่ายภาพน้ำเสียที่ล้นออกจากบ่อพักน้ำเสียไหลลงทะเล ในครั้งนั้นก็จะบุว่า โรงแรมกะตะเป็นผู้ปล่อยน้ำเสียลงทะเล ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปแล้วถึงสาเหตุที่แท้จริง และครั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวมาเกิดซ้ำอีก และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ การให้ร้ายทางโรงแรม ซึ่งขณะนี้ในส่วนของคนที่ด่าท่อ และทำให้โรงแรมได้รับความเสียหายผ่านทางโซเชียล มีประมาณ 20 รายแล้ว โดยทางโรงแรมจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป ซึ่งทุกครั้งที่มีการแพร่ภาพน้ำเสียไหลลงชายหาดทางโรงแรมจะได้รับผลกระทบทุกครั้ง ทั้งๆ ที่สาเหตุของการมีน้ำเสียไหลลงทะเลในบริเวณดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการกระทำของทางโรงแรม แต่ทุกทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้ทุกคนก็จะคิดว่าโรงแรมเป็นคนทำ และปล่อยน้ำเสียลงชายหาด
ส่วนสาเหตุของการเกิดน้ำเสียไหลลงในทะเลบริเวณดังกล่าว เกิดจากระบบการทำงานของบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลตำบลกะรนขัดข้อง ทำให้ความสามารถในการสูบน้ำกลับทำไม่ได้ จนเป็นเหตุให้ปริมาณน้ำเสียซึ่งไหลมาจากสถานประกอบการต่างๆ ในกะตะ-กะรน ไหลล้นออกไปในทะเล ซึ่งเรื่องนี้ทางเทศบาลก็ทราบดี และพร้อมที่จะชี้แจงถึงสาเหตุของน้ำเสียที่ไหลลงในทะเลครั้งนี้
ขณะที่ นายฉัตรพร เจริญเวช นายช่างไฟฟ้า 7 หัวหน้างานบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลกะรน กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำเสียไหลลงทะเลในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากน้ำที่ล้นจากบ่อพักน้ำเสียของทางเทศบาลกะรน ที่ช่วงนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการซ่อมรางกรองทราย ซึ่งในการซ่อมนั้นจะต้องหยุดระบบการทำงานทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะหยุดระบบจะมีการสืบน้ำเสียที่อยู่ในบ่อพักออกทั้งหมดก่อน ซึ่งได้มีการดำเนินการเรียบร้อย และมีการประเมินระยะเวลาในการซ่อมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นมีฝนตกแรงทำให้ปริมาณน้ำฝนและน้ำเสียไหลลงบ่อพักจำนวนมากจนล้นออกมา จนเป็นเหตุให้มีน้ำเสียสีดำไหลลงทะเลในวันนั้น อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางบริษัทที่เข้ามาดำเนินการได้เร่งซ่อมระบบจนสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ส่วนตะกอนสีดำที่ทอยู่บนทรายที่บริเวณทางน้ำเสียไหลลงทะเลนั้น ทางเทศบาลได้ดำเนินการทำความสะอาดจนชายหาดกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะต่อไปนั้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ขณะนี้ได้เสนอของบประมาณจากเทศบาลประมาณ 20 ล้านบาท ในการสร้างบ่อพักน้ำเสียเพิ่มอีก 2 บ่อ เพื่อลดปริมาณน้ำเสียที่จะไหลลงในบ่อดังกล่าวให้เหลือน้อยที่สุด และอาจจะปิดการปล่อยน้ำเสียจากท่อเก็บรวบรวมน้ำเสียลงไปยังบ่อพักน้ำเสียดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุน้ำเสียล้นจากบ่อพักลงทะเล แต่ในกรณีที่เกิดฝนตกหนักก็ต้องปล่อยให้น้ำไหลลงบ่อพักเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่
ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทางเทศบาลขออนุมัติงบอีก 40 ล้านบาท ในการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียเฟสที่ 2 ซึ่งจะรองรับปริมาณน้ำเสียได้อีก 8,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมเฟส 1 มีอยู่แล้ว 6,000 ลูกบาศก์เมตร ถ้าเฟส 2 สร้างเสร็จก็จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำเสียของกะตะ-กะรนไปได้อีกประมาณ 5 ปี ปัจจุบัน มีโรงแรมในพื้นที่ประมาณ 154 โรงแรมที่ปล่อยน้ำเสีย และน้ำที่ผ่านการบำบัดโดยระบบโรงแรมลงท่อรวบรวมน้ำเสียของเทศบาล ซึ่งปัจจุบันพบว่าปริมาณน้ำเสียที่ไหลลงบ่อบำบัดเฟส 1 เกินอยู่ประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตร จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด