ชุมพร - หนุ่มใหญ่ติดเหล้าหนัก ประสาทหลอนปืนขึ้นตึกผ่าตัดสูง 3 ชั้น ในโรงพยาบาลหวังกระโดด เจ้าหน้าที่กล่อมไม่เป็นผล ต้องซื้อเหล้าไปล่อให้ออกมาจึงชาร์จตัวได้
เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (9 พ.ย.) พ.ต.ท.สุริยนต์ ชมมี สวป.สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลังสวน ว่า มีคนจะกระโดดตึกในโรงพยาบาล จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.หลังสวน พ.ต.ท.สิชา พูลวงษ์ รอง ผกก.สส. ชุดสายตรวจ และหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารผ่าตัดซึ่งกำลังก่อสร้างสูง 3 ชั้น อยู่ภายในโรงพยาบาลหลังสวน พบ นายบรรจง ต่อวาด อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 5 ตำบลคอนสาร อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นั่งอยู่บนขอบตึกบนดาดฟ้าสูงจากพื้นประมาณ 12 เมตร มีอาการเครียด และคล้ายคนมึนเมาสุรา เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลงมา แต่นายบรรจง ไม่ยอมลงมา พร้อมทั้งขู่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าใกล้มิฉะนั้นจะกระโดดตึกลงมา
เจ้าหน้าที่จึงนำเปล และอุปกรณ์ช่วยชีวิต และเบาะสำหรับปูเตียงคนไข้มาปูที่พื้นดินเพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝัน พร้อมทั้งพูดจาเกลี้ยกล่อมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง นายบรรจง ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงมา ประกอบกับมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมามุงดูเป็นจำนวนมาก และมีชาวบ้านบางส่วนได้ส่งเสียงยั่วยุให้นายบรรจง กระโดดตึกลงมา เจ้าหน้าที่จึงกันชาวบ้านเหล่านั้นออกไปจากที่เกิดเหตุ
จนกระทั่งเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนให้คนงานก่อสร้างผู้หญิงชาวพม่า นำเหล้าขาวขึ้นไปให้ โดยล่อให้นายบรรจง ออกมาใกล้ๆ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มรออยู่มุมระเบียงตึก จึงฉวยจังหวะที่นายบรรจง เผลอเข้าชาร์จตัวได้สำเร็จ และปลอดภัย
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายบรรจง ได้เข้ามาที่โรงพยาบาลหลังสวนในอาการคล้ายคนเมาสุรา เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลเข้าไปสอบถามนายบรรจง ก็ได้รับคำตอบว่า มาหาหมอ จนรุ่งเช้าที่ผ่านมา นายบรรจง ได้ปีนขึ้นไปนั่งที่บริเวณดาดฟ้าอาคารดังกล่าวจนมีคนไปพบ และแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และตำรวจไปช่วยเหลือ
หลังเกิดเหตุ แพทย์หญิงอังคณา นาคอุบล และทีมแพทย์โรงพยาบาลหลังสวนได้ซักถามประวัตินายบรรจง เบื้องต้นทราบว่า นายบรรจง เคยมีประวัติติดสุรา และอยู่ระหว่างการรักษาตัว ต้องกินยาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง จึงประสานไปยังโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มารับตัวเพื่อทำการรักษาตัวต่อไป ทั้งนี้ ยังฝากเตือนผู้ที่มีอาการดังกล่าวต้องมาพบแพทย์ตามที่แพทย์นัด และทานยาอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอาการหลอนได้
เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (9 พ.ย.) พ.ต.ท.สุริยนต์ ชมมี สวป.สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลังสวน ว่า มีคนจะกระโดดตึกในโรงพยาบาล จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.หลังสวน พ.ต.ท.สิชา พูลวงษ์ รอง ผกก.สส. ชุดสายตรวจ และหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารผ่าตัดซึ่งกำลังก่อสร้างสูง 3 ชั้น อยู่ภายในโรงพยาบาลหลังสวน พบ นายบรรจง ต่อวาด อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 5 ตำบลคอนสาร อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ นั่งอยู่บนขอบตึกบนดาดฟ้าสูงจากพื้นประมาณ 12 เมตร มีอาการเครียด และคล้ายคนมึนเมาสุรา เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ลงมา แต่นายบรรจง ไม่ยอมลงมา พร้อมทั้งขู่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าใกล้มิฉะนั้นจะกระโดดตึกลงมา
เจ้าหน้าที่จึงนำเปล และอุปกรณ์ช่วยชีวิต และเบาะสำหรับปูเตียงคนไข้มาปูที่พื้นดินเพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝัน พร้อมทั้งพูดจาเกลี้ยกล่อมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง นายบรรจง ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงมา ประกอบกับมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมามุงดูเป็นจำนวนมาก และมีชาวบ้านบางส่วนได้ส่งเสียงยั่วยุให้นายบรรจง กระโดดตึกลงมา เจ้าหน้าที่จึงกันชาวบ้านเหล่านั้นออกไปจากที่เกิดเหตุ
จนกระทั่งเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนให้คนงานก่อสร้างผู้หญิงชาวพม่า นำเหล้าขาวขึ้นไปให้ โดยล่อให้นายบรรจง ออกมาใกล้ๆ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มรออยู่มุมระเบียงตึก จึงฉวยจังหวะที่นายบรรจง เผลอเข้าชาร์จตัวได้สำเร็จ และปลอดภัย
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายบรรจง ได้เข้ามาที่โรงพยาบาลหลังสวนในอาการคล้ายคนเมาสุรา เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลเข้าไปสอบถามนายบรรจง ก็ได้รับคำตอบว่า มาหาหมอ จนรุ่งเช้าที่ผ่านมา นายบรรจง ได้ปีนขึ้นไปนั่งที่บริเวณดาดฟ้าอาคารดังกล่าวจนมีคนไปพบ และแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และตำรวจไปช่วยเหลือ
หลังเกิดเหตุ แพทย์หญิงอังคณา นาคอุบล และทีมแพทย์โรงพยาบาลหลังสวนได้ซักถามประวัตินายบรรจง เบื้องต้นทราบว่า นายบรรจง เคยมีประวัติติดสุรา และอยู่ระหว่างการรักษาตัว ต้องกินยาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง จึงประสานไปยังโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี มารับตัวเพื่อทำการรักษาตัวต่อไป ทั้งนี้ ยังฝากเตือนผู้ที่มีอาการดังกล่าวต้องมาพบแพทย์ตามที่แพทย์นัด และทานยาอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอาการหลอนได้