ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านฉลุงโวยศาลาที่พักริมทางสร้าง 6 เดือนไม่เสร็จ และถูกทิ้งร้างจนวัชพืชขึ้นรกรุงรัง ขณะที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลฉลุง เผยยังไม่ได้รับอนุญาตจากกรมทางหลวงให้ก่อสร้าง และไม่ทราบว่าสร้างได้อย่างไร และใครเป็นคนสั่ง ด้านนายช่างระบุ จำเป็นต้องหยุดเพราะไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว แถมเป็นหนี้ร้านวัสดุก่อสร้างเกือบ 3 หมื่นบาท
วันนี้ (2 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ 3 หมู่บ้านของ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประกอบด้วย หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 7 ได้รับความเดือดจากโครงการก่อสร้างศาลาที่พักริมทางขององค์การบริหารส่วนตำบลฉลุง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายเพชรเกษม ปากทางเข้าหมู่บ้านทั้ง 3 หมู่บ้าน ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างมา 6 เดือน แต่ยังสร้างไม่เสร็จ และถูกทิ้งร้างมานานกว่า 3 เดือน จนวัชพืชขึ้นรกรุงรัง แม้ว่าโครงสร้างศาลาจะใกล้เสร็จสมบูรณ์ เหลือเพียงที่นั่ง ลาดพื้นซีเมนต์ และหลังคาอีกเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ทำให้ทั้งชาวบ้าน และเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ไปยืนรอรถโดยสารเดินทางไปทำงาน และไปโรงเรียนไม่สามารถเข้าไปนั่งรอได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ซึ่งโรงเรียนเริ่มเปิดเทอม และฝนตกต่อเนื่องทุกวัน เนื่องจากมีทั้งกองทราย และอุปกรณ์ก่อสร้างที่ยังวางเกะกะ และบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยวัชพืช ต้องยืนรอรถโดยสารริมถนนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
และจากการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลฉลุง ได้รับการชี้แจงว่า โครงการนี้แม้ว่าทาง อบต.ฉลุง จะตั้งงบประมาณไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการสั่งซื้อสั่งจ้างเพราะยังอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขออนุญาตใช้สถานที่ และแบบจากกรมทางหลวง ซึ่งตามระเบียบปฏิบัติยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้เพราะยังไม่ได้รับหนังสืออนุญาตจากกรมทางหลวง จึงไม่ทราบว่าก่อสร้างได้อย่างไร และใครเป็นคนสั่งให้ก่อสร้าง ทาง อบต.ฉลุง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะดำเนินการตามระเบียบทุกขั้นตอน ปัญหาที่เกิดขึ้นผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือ ผู้ที่สั่งให้ก่อสร้างว่าทำไมถึงสร้างไม่เสร็จ และจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพราะโครงการนี้ยังไม่รับอนุญาตให้ก่อสร้าง
ขณะที่นายช่างที่รับเหมาก่อสร้างศาลา ระบุว่า ได้รับการติดต่อจากสมาชิก อบต.หมู่ 1 ต.ฉลุง ให้ก่อสร้างศาลาที่พักริมทาง 2 หลัง ในราคา 1 แสนบาท โดยบอกว่างบประมาณมีพร้อมแล้วและสามารถจ่ายเงินค่าจ้างได้ทันที ที่สำคัญทางเลขานุการนายก อบต.ฉลุง ได้เสนอที่จะจ่ายเงินค่าจ้างให้ก่อนล่วงหน้างวดแรก 3 หมื่นบาท จึงเริ่มลงมือก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยไม้บางส่วนตัดมาจากเขตทางหลวงแล้วนำมาแปรรูป
แต่ปรากฏว่า หลังจากที่ทำไปได้ระยะหนึ่งไม้ที่ตัดจากเขตทางหลวงไม่พอ และไม่มีใครช่วยดำเนินการเรื่องไม้ให้ ประกอบกับยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว เมื่อสอบถามไปยังเลขาฯ กลับไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นคนเสนอเงินค่าจ้างล่วงหน้าให้เอง โดยบอกว่าต้องรอนายกฯ ที่สำคัญยังต้องเป็นหนี้ร้านวัสดุก่อสร้างที่ไปซื้อมาก่อสร้างก่อน และค่าเลื่อยไม้อีก 24,000 บาท จึงจำเป็นต้องหยุดก่อสร้าง ทั้งที่อยากทำต่อให้เสร็จเพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกี่ยวข้องต่อการก่อสร้างศาลาแห่งนี้พยายามที่จะบอกว่าสาเหตุที่สร้างไม่เสร็จเนื่องจากปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง แต่ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมก่อนหน้านี้จึงสร้างมาได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการอนุญาต และสร้างจนใกล้เสร็จสมบูรณ์แต่กลับมาปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ และไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่
