ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศาลปกครองเชียงใหม่สั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจ่าย 96 ล้านบาทให้ “พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ คอนสตรัคชั่น” ผู้รับเหมาสร้างโรงพักทดแทน เหตุทำผิดสัญญาจนต้องทำหนังสือขอขยายระยะเวลาก่อสร้าง แต่ไม่ได้รับการพิจารณา แถมจะให้ชำระค่าเสียหายอีก อ้างก่อสร้างไม่เสร็จ-ไม่ส่งมอบงาน
วานนี้ (30 กันยายน) ที่ศาลปกครองเชียงใหม่ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 181/2556 คดีหมายเลขแดงที่ 341/2556 ที่บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เป็นผู้ถูกฟ้อง เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง กรณีผู้ถูกฟ้องคดีทำผิดสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ ตามสัญญาเลขที่ ยธ.13/2554 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2554 ขอให้ศาลมีคำสั่งงดริบเงินค่าประกัน พร้อมเรียกค่าเสียหายอีก 1,000 ล้านบาท
ศาลตรวจพิจารณาเอกสารทั้งหมดในสำนวน พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชำระเงินให้ผู้ฟ้องคดี เป็นค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 13 หลัง รวม 16 งวด เป็นเงิน 15,689,617 บาท และค่าก่อสร้างที่ผู้ฟ้องคดีทำไว้บางส่วนแต่ยังไม่ได้ส่งมอบงาน เป็นเงิน 81,280,816 บาท รวมเป็นเงิน 96,970,433 บาท โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด และคืนค่าธรรมเนียมศาลให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามส่วนของการชนะคดี ให้ผู้ถูกฟ้องคืนหนังสือค้ำประกัน ธนาคารออมสิน สาขาประตูช้างเผือก ลงวันที่ 25 มีนาคม 2554 จำนวน 292,400,000 บาท และคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ทั้งนี้ คำฟ้องสรุปว่า ผู้ถูกฟ้องทำสัญญาจ้างผู้ฟ้องคดีก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 หลัง เป็นเงิน 5,848,000,000 บาท โดยเริ่มทำงานตั้งแต่ 26 มีนาคม 2554 ถึง 17 มิถุนายน 2555 รวม 550 วัน หากไม่ส่งมอบงานเพียงหลังเดียว ถือว่าไม่ครบตามสัญญา ต้องชำระค่าปรับวันละ 5,848,000 บาท
ซึ่งผู้ฟ้องวางหลักประกันเป็นหนังสือค้ำประกันของธนาคารออมสิน สาขาประตูช้างเผือก เป็นเงิน 292,400,000 บาท และผู้ถูกฟ้องคดีจ่ายเงินล่วงหน้าให้ผู้ฟ้องคดีเป็นค่าใช้จ่าย ร้อยละ 15 ของราคาจ้าง เป็นเงิน 877,200,000 บาท โดยผู้ฟ้องคดีวางหลักประกันเงินเป็นหนังสือค้ำประกัน ซึ่งท้ายสัญญากำหนดงานก่อสร้าง โดยแบ่งเป็นการจ่ายเงินอาคารทำการสถานีตำรวจขนาดใหญ่ แบ่งจ่ายเงิน 13 งวด อาคารทำการสถานีตำรวจขนาดกลาง แบ่งจ่ายเงิน 9 งวด
ซึ่งการส่งมอบสถานที่ก่อสร้าง ผู้ถูกฟ้องคดีกำหนดหลักเกณฑ์ในการส่งมอบพื้นที่ตามหนังสือสัญญา และระหว่างการก่อสร้างผู้ถูกฟ้องคดีอนุมัติให้ขยายเวลาการก่อสร้าง รวม 3 ครั้ง เป็นเวลา 270 วัน เพิ่มจากเดิม 450 วัน เป็น 720 วัน หรือต้องให้เสร็จภายในวันที่ 14 มีนาคม 2556
แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทำผิดสัญญาหลายประการ ผู้ฟ้องคดีจึงมีหนังสือขอขยายระยะเวลาการสร้างแต่ไม่ได้รับการพิจารณา และผู้ถูกฟ้องคดีมีหนังสือ ลงวันที่ 14 มีนาคม 2556 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีส่งมอบงานก่อสร้างที่แล้วเสร็จภายในวันที่ 17 เมษายน 2556 ผู้ฟ้องคดีจึงทำหนังสือโต้แย้งการส่งมอบงาน ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีเพิกเฉยบอกเลิกสัญญา และให้ผู้ฟ้องคดีชำระค่าเสียหาย โดยอ้างว่าผู้ฟ้องคดีก่อสร้างไม่เสร็จ เพิกเฉยไม่ส่งมอบงาน ผู้ฟ้องจึงมีหนังสือโต้แย้งการบอกเลิกสัญญาที่มิชอบและขอสงวนสิทธิเรียกค่าเสียหาย คือ
1. ค่างวดงานที่ได้ก่อสร้างและส่งมอบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการชำระเงิน จำนวน 13 แห่ง เป็นเงิน 18,300,812 บาท
2. ค่าวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างที่ส่งเข้าไปบริเวณก่อสร้างในแต่ละท้องที่ 333 สถานี เป็นเงิน 370,221,168.55 บาท
3. ค่าใช้จ่ายการบริหารต่างๆ ที่เกิดจากความล่าช้าของผู้ถูกฟ้องคดี เป็นเงิน 163,429,449.94 บาท
4. ค่าธรรมเนียมยื่นซองประมูล เป็นเงิน 2,117,873.64 บาท
5. หนังสือค้ำประกันธนาคารออมสิน จำนวน 292,400,000 บาท และจำนวน 877,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
6. ค่าธรรมเนียมในการยื่นซองประมูลราคาเข้าดำเนินการตามสัญญา จำนวน 2,117,873.64 บาท
7. ให้ชำระค่าผลกำไรที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการ เป็นเงิน 500,000,000 บาท โดยผู้ฟ้องเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชอบเพราะเป็นผู้ผิดสัญญา โดยผู้ถูกฟ้องไม่ส่งมอบพื้นที่ ส่งมอบแบบก่อสร้างขัดต่อแบบกฎหมายและผังเมือง และแบบสร้างอาคารมีขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ก่อสร้าง
