ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปทส.ลงภูเก็ต สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินสาธารณะ หลังมีประชาชนร้องเรียน ขณะที่ตัวแทนเจ้าของที่ดินบางรายหอบเอกสาร ส.ค.1 แจง
วันนี้ (21 ต.ค.) เจ้าหน้าที่จากกองบังคับปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.บก.ปทส.5 ร่วมประชุมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เช่น ปกครองจังหวัด ส.ป.ก. ที่ดิน เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ตำรวจน้ำภูเก็ต ตำรวจภูธร องค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการปฏิบัติการทวงคืนที่ดินสาธารณประโยชน์ โดยมี นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการออกตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนไปยังกองบังคับปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า มีการบุกรุกที่ดินสาธารณะ ที่ดิน ส.ป.ก. และที่ดินอื่นๆ ที่เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์
พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.บก.ปส.5 กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ครั้งนี้เป็นการลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนไปยัง ปทส. ว่า มีการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีการร้องเรียนเข้าไปจำนวนมาก ในเบื้องต้น ทาง ปทส.ได้กลั่นกรองและกำหนดแผนปฏิบัติการทวงคืนที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 4 แปลง แต่การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของที่ดินทั้ง 4 แปลง โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล 2 วัน คือวันนี้ (21 ต.ค.) และวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.)
สำหรับที่ดินทั้ง 4 แปลงที่จะต้องเข้าตรวจสอบ ประกอบด้วย แปลงที่ 1 ซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เนื้อที่ 1 ไร่ 1งาน แปลงที่ 2 ที่ดินบริเวณหาดพาราไดส์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 5-6 ไร่ แปลงที่ 3 ที่ดินบริเวณทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ แหลมพรหมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 805 ไร่ และแปลงที่ 4 ที่ดินบริเวณป่าช้าบ้านควนดินแดง สะปำ ม.1 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 11 ไร่
พ.ต.อ.มนตรี กล่าวต่อไปว่า จากการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลของเจ้าหน้าที่ พบว่า มีหลายพื้นที่ที่มีการบุกรุกพื้นที่ของรัฐเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ บางแปลงมีการบุกรุก และขายต่อให้แก่ชาวบ้าน หรือชาวต่างชาติเข้าไปสร้างที่อยู่อาศัย บางจุดก็มีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการทำที่ดินของรัฐให้เป็นของส่วนตัว ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ และจะต้องเข้ามาดำเนินการ แต่การดำเนินการนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ชัดเจน และถูกต้อง การร้องเรียนบางครั้งก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะอาจจะเป็นการร้องเรียนเพื่อกลั่นแกลงกันก็มี
สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของที่ดินทั้ง 4 จุด ที่มีการร้องเรียน ทาง ปทส.จะร่วมกับทุกหน่วยงานในการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องดูว่าในพื้นที่ให้ความร่วมมือขนาดไหน เพราะการร้องเรียนนั้นมีการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเข้าไปเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ในการบุกรุก ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ก็ได้รับความมือเป็นอย่างดี และการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์ทราบว่าที่ดินที่ถูกกล่าวหามีการบุกรุกจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ บางครั้งข้อเท็จจริงอาจจะไม่เป็นไปตามที่ร้องเรียนมาก็ได้
พ.ต.อ.มนตรี กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ลงพื้นที่แล้วทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยก็จะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวล ซึ่งจะต้องใช้เอกสารหลักฐานต่างๆ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ ถ้าตรวจสอบแล้วผิดก็จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย แต่ในการดำเนินการของ ปทส.นั้นจะไม่ได้ดำเนินการเฉพาะความผิดเฉพาะหน้าเท่านั้น จะดำเนินการตามกฎหมายแบบถอนรากถอนโคนซึ่งจะต้องดำเนินการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนทุกระดับ เพราะฉะนั้นการตรวจสอบจะต้องมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังลงไปตรวจสอบ 2 จุด คือ แปลงที่ 1 ซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูล และแปลงที่ 2 ที่ดินบริเวณหาดพาราไดส์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 5-6 ไร่ ซึ่งในส่วนของแปลงที่ 2 นั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ปทส. นำโดย พ.ต.ท.สุทธินันท์ คงแช่มดี รอง ผกก.กก.5 บก.ปทส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น ส.ป.ก. เทศบาลเมืองป่าตอง เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต เดินทางไปตรวจสอบ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดชายหาดพาราไดส์ มีการก่อสร้างอาคารบางส่วน แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบไม่พบว่ากำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวบข้อมูลทั้งหมด
แต่อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางตัวแทนเจ้าของพื้นที่ คือ นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ซึ่งเป็นทนายความ และเป็นผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดิน ได้นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยยืนยันว่า ที่ดินที่มีการก่อสร้างนั้นเป็นการก่อสร้างในส่วนของที่ดินที่มีเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 276 เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ ซึ่งได้มีการครอบครองมานานแล้ว พร้อมกับส่งมอบสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อยืนยันถึงการได้มาของที่ดินดังกล่าวมีการซื้อมาเมื่อปี 2535
วันนี้ (21 ต.ค.) เจ้าหน้าที่จากกองบังคับปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.บก.ปทส.5 ร่วมประชุมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เช่น ปกครองจังหวัด ส.ป.ก. ที่ดิน เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ตำรวจน้ำภูเก็ต ตำรวจภูธร องค์กรปกครองท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อดำเนินการปฏิบัติการทวงคืนที่ดินสาธารณประโยชน์ โดยมี นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดแนวทางในการออกตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีชาวบ้านร้องเรียนไปยังกองบังคับปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า มีการบุกรุกที่ดินสาธารณะ ที่ดิน ส.ป.ก. และที่ดินอื่นๆ ที่เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์
พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.บก.ปส.5 กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ครั้งนี้เป็นการลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องเรียนไปยัง ปทส. ว่า มีการบุกรุกที่ดินในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีการร้องเรียนเข้าไปจำนวนมาก ในเบื้องต้น ทาง ปทส.ได้กลั่นกรองและกำหนดแผนปฏิบัติการทวงคืนที่ดินสาธารณประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 4 แปลง แต่การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของที่ดินทั้ง 4 แปลง โดยมีระยะเวลาในการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล 2 วัน คือวันนี้ (21 ต.ค.) และวันพรุ่งนี้ (22 ต.ค.)
สำหรับที่ดินทั้ง 4 แปลงที่จะต้องเข้าตรวจสอบ ประกอบด้วย แปลงที่ 1 ซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เนื้อที่ 1 ไร่ 1งาน แปลงที่ 2 ที่ดินบริเวณหาดพาราไดส์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 5-6 ไร่ แปลงที่ 3 ที่ดินบริเวณทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ แหลมพรหมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 805 ไร่ และแปลงที่ 4 ที่ดินบริเวณป่าช้าบ้านควนดินแดง สะปำ ม.1 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 11 ไร่
พ.ต.อ.มนตรี กล่าวต่อไปว่า จากการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลของเจ้าหน้าที่ พบว่า มีหลายพื้นที่ที่มีการบุกรุกพื้นที่ของรัฐเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ บางแปลงมีการบุกรุก และขายต่อให้แก่ชาวบ้าน หรือชาวต่างชาติเข้าไปสร้างที่อยู่อาศัย บางจุดก็มีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในการทำที่ดินของรัฐให้เป็นของส่วนตัว ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ และจะต้องเข้ามาดำเนินการ แต่การดำเนินการนั้นจะต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ชัดเจน และถูกต้อง การร้องเรียนบางครั้งก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะอาจจะเป็นการร้องเรียนเพื่อกลั่นแกลงกันก็มี
สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงของที่ดินทั้ง 4 จุด ที่มีการร้องเรียน ทาง ปทส.จะร่วมกับทุกหน่วยงานในการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องดูว่าในพื้นที่ให้ความร่วมมือขนาดไหน เพราะการร้องเรียนนั้นมีการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเข้าไปเกี่ยวข้องในการเอื้อประโยชน์ในการบุกรุก ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ก็ได้รับความมือเป็นอย่างดี และการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์ทราบว่าที่ดินที่ถูกกล่าวหามีการบุกรุกจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ บางครั้งข้อเท็จจริงอาจจะไม่เป็นไปตามที่ร้องเรียนมาก็ได้
พ.ต.อ.มนตรี กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ลงพื้นที่แล้วทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยก็จะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวล ซึ่งจะต้องใช้เอกสารหลักฐานต่างๆ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ ถ้าตรวจสอบแล้วผิดก็จะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย แต่ในการดำเนินการของ ปทส.นั้นจะไม่ได้ดำเนินการเฉพาะความผิดเฉพาะหน้าเท่านั้น จะดำเนินการตามกฎหมายแบบถอนรากถอนโคนซึ่งจะต้องดำเนินการต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนทุกระดับ เพราะฉะนั้นการตรวจสอบจะต้องมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังลงไปตรวจสอบ 2 จุด คือ แปลงที่ 1 ซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูล และแปลงที่ 2 ที่ดินบริเวณหาดพาราไดส์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 5-6 ไร่ ซึ่งในส่วนของแปลงที่ 2 นั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ปทส. นำโดย พ.ต.ท.สุทธินันท์ คงแช่มดี รอง ผกก.กก.5 บก.ปทส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น ส.ป.ก. เทศบาลเมืองป่าตอง เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต เดินทางไปตรวจสอบ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดชายหาดพาราไดส์ มีการก่อสร้างอาคารบางส่วน แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบไม่พบว่ากำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวบข้อมูลทั้งหมด
แต่อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางตัวแทนเจ้าของพื้นที่ คือ นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ซึ่งเป็นทนายความ และเป็นผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดิน ได้นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินที่ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ โดยยืนยันว่า ที่ดินที่มีการก่อสร้างนั้นเป็นการก่อสร้างในส่วนของที่ดินที่มีเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 276 เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่เศษ ซึ่งได้มีการครอบครองมานานแล้ว พร้อมกับส่งมอบสำเนาเอกสารดังกล่าวให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อยืนยันถึงการได้มาของที่ดินดังกล่าวมีการซื้อมาเมื่อปี 2535