กาญจนบุรี - ส.ป.ก.กาญจนบุรี หอบหลักฐานโร่ขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีนายทุนรุกที่กว่า 40 ไร่ แอบให้ชาวบ้านเช่าปลูกมันสำปะหลัง เผยที่ผืนดังกล่าวอยู่ภายในรั้ววัดป่าหลวงตาบัว ขณะเข้าตรวจสอบถึงกับอึ้ง เหตุพบทางเข้าวัดมือมืดนำเสาปูนกว่า 40 ต้นมาขวางทาง เตรียมประสาน DSI ดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก และถือครองเอกสารประเภท ส.ค.1 น.ส.3 หรือโฉนดที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายต่อนายทุน ผู้มีอิทธิพลในเขตปฏิรูป จ.กาญจนบุรี
ความคืบหน้ากรณีวันที่ 7 มิ.ย.59 ที่ผ่านมา ที่ นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ส.ป.ก.กาญจนบุรี นางรจนพรรณ ณรงค์อินทร์ นิติกร ส.ป.ก.กาญจนบุรี เข้าพบ ร.ต.อ.กสานต์ พารา รอง สว.สอบสวน สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี แจ้งความดำเนินคดีวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า วัดดังกล่าวมีการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 931-0-83 ไร่
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค ได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวอย่างละเอียด พบว่าพื้นที่ภายในบริเวณวัดที่อยู่ในเขตกำแพงวัดล้อมรอบมีผู้บุกรุกเพิ่มอีก 1 ราย คือ นายอนันต์ ทรัพย์สถิตกุล พื้นที่ที่ถูกบุกรุกมีเนื้อที่ จำนวน 40-3-90 ไร่ โดยผู้บุกรุกให้ นางต้อย จูสวัสดิ์ เช่าต่อเพื่อปลูกมันสำปะหลัง ส.ป.ก.จึงนำป้ายประกาศสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ไปติดตั้งเพื่อแสดงให้รู้ว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก.ก่อนที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้กระทำผิดในภายหลัง
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (16 มิ.ย.) นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ส.ป.ก.กาญจนบุรี พร้อมด้วยนางรจนพรรณ ณรงค์อินทร์ นิติกร ส.ป.ก.กาญจนบุรี ได้นำเอกสาร และหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศ รวมทั้งหลักฐานพิกัดที่ตั้งของที่ดินจำนวนดังกล่าวเข้าพบ ร.ต.อ.กสานต์ พารา รอง สว.สอบสวน สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีสื่อมวลชนหลายแขนงร่วมเดินทางไปทำข่าว
โดยระหว่างการเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค นายวัชรินทร์ ได้นำคณะสื่อมวลชนแวะเข้าไปดูพื้นที่ที่ถูกบุกรุก จำนวน 40-3-90 ไร่ ซึ่งปรากฏว่า ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ เนื่องจากไม่ทราบว่ากลุ่มบุคคลใดนำเสาปูนยาวประมาณ 1.20 เมตร จำนวน 45 ต้น มาวางขวางถนนบริเวณริมถนนด้านหน้าซุ้มหัวเสือ ส่วนป้ายประกาศของ ส.ป.ก.ที่นำมาติดตั้งเอาไว้ยังคงอยู่ตามเดิม เมื่อ นายวัชรินทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงเดินทางไปพบ ร.ต.อ.กสานต์ พร้อมกับเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ จากนั้นจึงแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ นายอนันต์ ทรัพย์สถิตกุล ผู้บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 40-3-90 ไร่ ที่อยู่ในบริเวณรั้วของวัดป่าหลวงตาบัวฯ
หลังจากดำเนินการแจ้งความแล้วเสร็จ นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ส.ป.ก.กาญจนบุรี ได้ร่วมกับ ร.ต.อ.กสานต์ พารา รอง สว.สอบสวน สภ.ไทรโยค เดินทางมาตรวจสอบทางเข้าวัดที่มีกลุ่มบุคคลนำเสาปูนไปวางขาวงกั้นเส้นทางเอาไว้ พร้อมทั้งถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งเบื้องต้น ยังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ใด เนื่องจากจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เป็นที่แน่ชัดเสียก่อนว่า กลุ่มบุคคลใดเป็นผู้กระทำ หากทราบก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำพร้อมกับดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่ต่างกรรมต่างวาระกับกรณีคดีการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.ของวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
และหลังจาก ร.ต.อ.กสานต์ ถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานแล้วเสร็จ จึงเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ที่ถูก นายอนันต์ ทรัพย์สถิตกุล บุกรุก โดยต้องขับรถยนต์ไปใช้เส้นทางเดิมของวัด โดยพื้นที่ดังกล่าวมีมันสำปะหลังที่ปลูกเอาไว้ไม่นานนักขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ โดยเสาปูนที่ใช้ปักเป็นรั้วได้ถูกหักโค่นทำลายเสียหายทั้งหมด
ระหว่างนั้น นายไพศาล ปิ่นวน อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 5 ต.สิงห์ องไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้เดินทางมาพบคณะเจ้าหน้าที่ พร้อมกับให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า บ้านของตนตั้งอยู่ริมถนนก่อนถึงทางเข้าวัดป่าหลวงตาบัวฯ ไม่มากนัก โดยที่ดินเป็นของ ส.ป.ก.ที่ตนได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมา ประมาณ พ.ศ.2556 ทางวัดป่าหลวงตาบัวฯ ได้สั่งให้ตนรื้อบ้านออก โดยบอกว่า ทางวัดจะเอาที่ แต่ตนไม่ยอม ทางวัดจึงดำเนินการฟ้องขับไล่ให้ตนย้ายออกไป ซึ่งขณะนั้นศาลชั้นต้นตัดสินว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ ตนจึงอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ ได้ตัดสินยกฟ้อง เพราะพื้นที่ที่ตนอยู่เป็นที่ดินของหลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ก็ออกมายืนยันว่าตนได้ที่ดินมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับรั้วบ้านที่ทำด้วยเสาปูน และเสาไม้สำหรับล้อมลวดหนามถูกทำลายเสียหาย 70 กว่าต้น ซึ่งขณะนั้นตนไม่อยู่บ้าน มาพบอีกครั้งหนึ่งก็ตอนรุ่งเช้า ซึ่งตนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อแจ้งความร้องทุกข์แล้ว
ด้าน นายวัชรินทร์ วากะมะนนท์ ส.ป.ก.กาญจนบุรี กล่าวว่า การนำเสาปูนมาวางขวางทางเข้าออกก็ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะเส้นทางดังกล่าวเป็นทางสาธารณะที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เบื้องต้น จะต้องแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เมื่อถามว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ยังไม่สามารถตอบได้ จะต้องขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และในวันนี้ ส.ป.ก.ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.ที่อยู่ภายในบริเวณวัดเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ตนเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อวัดป่าหลวงตาบัวฯ ที่บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.เพิ่มจำนวน 931-0-83 ไร่ แต่เมื่อพนักงานสอบสวนลงพื้นที่สอบปากคำชาวบ้าน รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ก็พบว่า มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวกับวัดเข้ามาบุกรุกที่เพิ่มอีก 1 แปลง เนื้อที่จำนวน 40-3-90 ไร่ โดยผู้บุกรุกคือ นายอนันต์ ทรัพย์สถิตกุล โดยให้ นางต้อย จูสวัสดิ์ เช่าปลูกมันสำปะหลัง การให้เช่าจึงถือว่า นายอนันต์ เป็นกลุ่มนายทุน
สำหรับการดำเนินการตรวจสอบที่ดินผิดระเบียบ ส.ป.ก.ในอนาคต ส.ป.ก.กาญจนบุรี อาจจะประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)เพื่อดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก และถือครองเอกสารประเภท ส.ค.1 น.ส.3 หรือโฉนดที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายต่อนายทุน ผู้มีอิทธิพลในเขตปฏิรูปจังหวัดกาญจนบุรี
เนื่องจากได้มีการประกาศกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2559 เพิ่มเติม (19) คดีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ลงนามโดย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 13 พ.ค.59 ที่ผ่านมา
