ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ถูกรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่เฝ้าควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของชาวบ้านที่ปิดถนน และปิดล้อมสถานีตำรวจภูธรถลาง เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดที่รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บหลายราย ขณะที่ ผอ.ททท.สำนักงานภูเก็ต เผยเหตุการณ์ชุมนุมปิดถนนยังไม่ได้รับผลกระทบ
กรณีเมื่อวันที่ 10 ต.ค. เกิดเหตุชาวบ้านในพื้นบ้านดอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ปิดถนนประท้วงเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรถลาง จนเหตุการณ์บานปลายถึงเข้าก่อเหตุจลาจลเผารถยนต์ จำนวน 27 คัน และขว้างของแข็งเข้าใส่ตัวอาคารของสถานีตำรวจภูธรถลาง จนได้รับความเสียหายทั้งกระจกแตก ไฟไหม้บางส่วน และมีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจ และสกัดจับจนทำให้วัยรุ่นประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จำนวน 2 ราย ขณะกำลังขับรถจักรยานหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเหตุการณ์ชุมนุมของชาวบ้านยืดเยื้อนานกว่า 13 ชั่วโมง จนกระทั่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ และเจรจาให้ชาวบ้านแยกย้ายกันเดินทางกลับ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนของจังหวัดภูเก็ต ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายนาย
ล่าสุด วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บได้ทยอยเดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต แล้ว เช่น พ.ต.อ.สมปอง บุญรัตน์ ผกก.สภ.กะรน พ.ต.ท.บริบูรณ์ อยู่สุขสมบูรณ์ รอง ผกก.ป.กมลา อ.กะทู้ และ พ.ต.ท.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รอง ผกก.ป. สภ.กะทู้ อ.กะทู้ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ต.ราชันย์ พรรณไวย พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ ร้อยเวร สภ.เมืองภูเก็ต หลังได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่เข้าควบคุมฝูงชนในการชุมนุมประท้วงปิดถนน และทุบทำลายทรัพย์สินสถานีตำรวจภูธรถลาง และเผารถ เมื่อคืนวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ต่อเนื่องวันที่ 11 ตุลาคม ได้มีชาวบ้านจากบ้านลิพอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวนหนึ่งเดินทางมามอบดอกไม้และให้กำลังแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนจนตัวเองได้รับบาดเจ็บด้วย
พ.ต.ท.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รอง ผกก.ป.สภ.กะทู้ เปิดเผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน เข้าควบคุมเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงปิดล้อมสถานีตำรวจภูธรถลาง จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวคลี่คลาย เจ้าหน้าที่ชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน ภายใต้การควบคุมของตนเองซึ่งมีกำลัง 60 นาย กำลังเดินทางออกจากจุดที่ตั้งใกล้กับธนาคารซึ่งห่างจากสถานีตำรวจ ไปทางห้างแม็คโครประมาณ 500 เมตร เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งอยู่บริเวณหน้าห้างแม็คโครสาขาถลาง ก่อนถึงไฟแดงบริเวณแยกถลาง ประมาณ 300 เมตร ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหนึ่งเข้ามายั่วยุ พร้อมกับตะโกนว่าตำรวจทำร้ายประชาชน
หลังจากนั้น ก็ได้มีวัยรุ่นจำนวนมากซึ่งมีทั้งที่วิ่งกรูกันเข้ามา และขับรถจักรยานยนต์มาปิดล้อมกองกำลังเจ้าหน้าที่ และใช้อาวุธซึ่งทั้งท่อนไม้ ก้อนหินเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยการขว้างปาของแข็ง เช่น ก้อนหิน อิฐ ไม้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ตนเองได้รับบาดเจ็บศีรษะหลังด้านขวาแตก เย็บ 5 เข็ม ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งมีทั้งระดับผู้กำกับรองผู้กำกับ และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติ รวมประมาณ 20 คน แต่ที่ได้รับบาดเจ็บ และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จำนวน 17 คน เช่น ศีรษะแตก เป็นต้น
สำหรับการเข้ามาให้ปากคำในครั้งนี้ได้รับคำสั่งจากทางผู้บังคับบัญชาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่กระทำความผิดต่อไป
ขณะที่ นายบัญญัติ สุดทองคง หนึ่งในชาวบ้านที่มาร่วมให้กำลังใจ กล่าวว่า ได้มีการติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเห็นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการกระทำรุนแรง หรือทำลายทรัพย์สินของทางราชการ หรือประชาชน หากจะประท้วงสามารถทำได้ตามขั้นตอน
ด้าน น.ส.อโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจากกรณีเมื่อวันที่ 10 ต.ค.เกิดเหตุชาวบ้านในพื้นบ้านดอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ปิดถนนประท้วงเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรถลาง จนเหตุการณ์บานปลายถึงเข้าก่อเหตุจลาจลเผารถยนต์ จำนวน 27 คัน และขว้างของแข็งเข้าใส่ตัวอาคารของสถานีตำรวจภูธรถลาง จนได้รับความเสียหาย ทั้งกระจกแตก ไฟไหม้บางส่วน และมีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก เนื่องจากไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจ และสกัดจับจนทำให้วัยรุ่นประสบอุบัติเหตุจำนวน 2 ราย ขณะกำลังขับรถจักรยานยนต์หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ถ้ามองในภาพรวมทางด้านการท่องเที่ยวยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงระยะสั้นๆ และนักท่องเที่ยวเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยวในช่วงที่เกิดเหตุการณ์นั้นก็มีนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งทางการท่าอากาศยานภูเก็ต และสายการบินได้ช่วยเหลือดูแลกันเป็นอย่างดี จนสามารถเดินทางกลับออกไปโดยไม่มีปัญหาอะไร และขณะนี้จากการตรวจสอบยังไม่สามารถไม่พบว่ามีการสอบถามจากนักท่องเที่ยว หรือการยกเลิกห้องพักแต่อย่างใด
น.ส.อโนมา กล่าวต่อไป ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักเชื่อว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะยังเดินทางเข้ามาเหมือนเดิม โดยในช่วง 3 วันสุดท้าย ในส่วนของตัวเมืองมีนักท่องเที่ยวจองห้องพักเข้ามาเต็ม 100% และไม่มีการยกเลิกห้องพัก โดยในช่วงดังกล่าวคาดว่าจะมีรายได้สะพัดไม่น้อยกว่า 4,200 ล้าน