ปัตตานี - ประมงลากข้างขนาดเล็กยอมเปิดร่องแม่น้ำปัตตานี หลัง กอ.รมน.ทำข้อตกลงที่น่าพอใจ ด้านนายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านปัตตานี คิดต่าง หวัง จนท.ใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หวั่นอาจเกิดเหตุการณ์เหมือนในอดีต
วานนี้ (7 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีชาวประมงลากข้างซึ่งเป็นเรือขนาดเล็ก นำเรือประมงลากข้างปิดร่องน้ำปัตตานี เพื่อชุมนุมประท้วงที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายจับกุม เรือประมงลากข้างดังกล่าวได้มีการเสนอข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ประกอบด้วย ให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมาย และศึกษาวิจัยว่าเครื่องมือประมงลากข้างขนาดเล็ก ปัจจุบันมีผลกระทบต่อสัตว์อย่างไรบ้าง และพร้อมที่จะปฏิบัติตามผลการวิจัยอย่างเคร่งครัด รวมทั้งหาพื้นที่ทำกิน โดยชุมนุมตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.ยังไม่มีข้อยุติ
ล่าสุด ทางกลุ่มประมงลากข้างขนาดเล็กได้ยินยอมกับข้อตกลงที่ทางเจ้าหน้าที่ หลังจากที่ทางกลุ่มประมงฯ ได้ส่งตัวแทนพูดคุยเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ โดยมี พ.อ.เนตินัย เปรมลาภ รอง กอ.รมน.จ.ปัตตานี พร้อมด้วยตัวแทนจังหวัด กรมประมง และผู้รับผิดชอบกับตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านลากข้าง นำโดย นายซุลกิฟลี ดอเลาะ เพื่อเจรจาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกของการแก้ไขปัญหา โดยกลุ่มประมงลากค่อนข้างพอใจระดับหนึ่ง รับได้เพราะเป็นข้อกฎหมาย และเป็นสิ่งที่ดีที่หน่วยงานราชการเข้าใจในวิถีชีวิตความลำบาก ที่พอใจมาก คือ สามารถออกทำมาหากินก่อนได้ ที่ว่าจะมีข้อสรุปในแนวทางไหนก็พูดเจรจากันใหม่หลังวันที่ 12 ต.ค.2558 จากนั้นชาวประมงได้นำเรือทั้งหมดเปิดอ่าว และสลายกลับบ้านกัน
ด้าน นายมุหามะสุกรี มะสะนิง นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านปัตตานี กล่าวว่า การแก้ไขของหน่วยงานของรัฐที่ยอมอ่อนตามความต้องการของกลุ่มประมงที่ใช้เครื่องมือผิดกฎหมายในครั้งนี้ โดยไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง อาจจะนำสู่กับปัญหาต่อการจัดการกับประมงที่ผิดกฎหมายที่จะมีมากยิ่งขึ้น เหมือนในอดีตเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่เจ้าหน้าที่รัฐเคยปล่อยปละละเลยไม่บังคับใช้กฎหมาย จึงทำให้ประมงผิดกฎหมายกลายเป็นกลุ่มมีอำนาจต่อรองกับอำนาจรัฐ แม้กระทั่ง คสช.ก็ยังสามารถทำให้หมันได้ มีทั้งมาตรา 44 ที่สามารถยึดทางอุปกรณ์เครื่องมือที่ผิดกฎหมาย แล้วประสาอะไรถ้าจะบังคับใช้กฎหมายปกติคงยาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่มีความอดทนที่จะแยกแยะผิดถูกเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง และความอยู่รอดของทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศที่นับวันยิ่งน้อยลงเต็มทน ไม่ควรมองเพียงแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง