กระบี่ - สสจ.กระบี่ สุ่มเก็บตัวอย่างกะปิส่งตรวจสารเคมีอีกรอบ แนะผู้ซื้อสังเกตหากมีสีฉูดฉาดอย่าซื้ออาจเป็นอันตราย ด้านประธานสภาผู้บริโภค จี้ สสจ.ตามเก็บสินค้าที่ตรวจพบสารปนเปื้อน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ อย่าเก็บข้อมูลไว้รู้เฉพาะส่วนราชการ
จากกรณีที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ได้เก็บตัวอย่างกะปิจากสถานที่ผลิตในจังหวัดกระบี่ จำนวนทั้งสิ้น 9 ตัวอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์ด้านเคมี (สี) ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2558 ซึ่งพบสีในกะปิ จำนวน 7 ตัวอย่าง ประกอบด้วย 1.กะปิคู่ครัว (มารียาม) ชนิดกระปุก ตรวจพบสีอินทรีย์สังเคราะห์ชนิดสีผสมอาหาร 2.กะปิคู่ครัว (มารียาม) ชนิดแท่ง ตรวจพบสีอินทรีย์สังเคราะห์ชนิดสีผสมอาหาร 3.กะปินิตยา ชนิดกระปุก ตรวจพบสีย้อมผ้า 4.กะปินิตยา ชนิดแท่ง ตรวจพบสีย้อมผ้า 5.กะปิน้ำพริกจะเสี้ย ชนิดกระปุก ตรวจพบสีย้อมผ้า 6.กะปิ น้ำพริกจะเสี้ย ชนิดแท่ง ตรวจพบสีย้อมผ้า และสีผสมอาหาร และ 7.กะปิคู่ครัว จะแอ๊ด ชนิดกระปุก ตรวจพบสีย้อมผ้า ซึ่งเป็นข่าวครึกโครมตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (7 ต.ค.) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ได้เก็บตัวอย่างกะปิในพื้นที่ จ.กระบี่ อีกจำนวน 15 ตัวอย่าง จาก 15 ผู้ผลิตในพื้นที่ อ.เมืองกระบี่ เหนือคลอง คลองท่อม และ อ.เกาะลันตา เพื่อส่งไปตรวจสอบที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.ตรัง โดยจะทราบผลประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งทาง สสจ.กระบี่ ระบุว่า การสังเกตว่าผสมสีหรือไม่นั้นสังเกตด้วยตาเปล่ายากมาก เพราะจะต้องส่งไปตรวจสอบทางเคมีจึงจะทราบ แต่ในเบื้องต้นเพื่อความมั่นใจของผู้บริโภคให้สังเกตหากพบกะปิที่มีสีฉูดฉาดเกินไปก็ให้สันนิษฐานว่าอาจมีการผสมสี สำหรับกะปิเป็นอาหารที่ห้ามใส่สี ไม่ว่าจะเป็นสีชนิดใดก็ตาม การตรวจพบสีจึงจัดเป็นอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ ผู้ใดผลิต นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายซึ่งอาหารไม่บริสุทธิ์ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายรวี บ่อหนา ประธานสภาผู้บริโภคจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับข้อมูลเรื่องการตรวจสอบกะปิ ที่ผ่านมาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ผู้บริโภคที่เป็นประชาชนไม่เคยได้รับรู้ ส่วนใหญ่แล้วจะรู้แต่ในวงของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง จึงอยากเรียกร้องว่า หลังจากที่มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์รู้ผลแน่ชัดแล้ว ควรจะแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบด้วย และต้องตามเก็บกะปิที่พบสารปนเปื้อนออกจากตลาดให้หมด ไม่ใช่ปล่อยให้มีการจำหน่ายอยู่อีก ซึ่งเชื่อว่าหากไม่มีข่าวเรื่องกะปิผสมสีออกมา กะปิที่ถูกตรวจพบก็ยังวางขายอยู่อีกอย่างแน่นอน และควรจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งรัด เพราะกะปิ เป็นอาหารหลักที่คนใต้ใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงอาหารและน้ำพริกกินทุกวัน