พิธีรับส่งตำแหน่ง “แม่ทัพ” และ “ผอ.กอ.รมน.” ภาค 4 คนใหม่ มวลชลแห่ร่วมล้นหลาม

ยะลา - บรรยากาศพิธีรับ-ส่งตำแหน่ง “แม่ทัพ” และ “ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 คนใหม่” มีบรรดามวลชนเดินทางร่วมพิธีอย่างล้นหลาม ยันทำตามนโยบายเดิมที่ได้วางเอาไว้

วันนี้ (3 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานหน้าศาลาพิณประเสริฐ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้จัดพิธีรับส่งหน้าที่ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ระหว่าง พล.อ.ปราการ ชลยุทธ รองเสนาธิการทหาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กับ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ท่านใหม่ โดยมีนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. ผู้ว่าราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะนายทหาร หน่วยกำลังในพื้นที่ และกลุ่มพลังมวลชนจำนวนมากเข้าร่วมในพิธี

โดยหลังเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบตำแหน่ง พล.อ.ปราการ ชลยุทธ รองเสนาธิการทหาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กับ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ท่านใหม่ ได้เดินไปพบปะกับกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ที่มาแสดงความยินดี โดยกลุ่มพลังมวลชนได้นำดอกไม้ และกระเช้า แสดงความยินดีมามอบให้ พล.อ.ปราการ และ พล.ท.วิวรรธน์ ด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความปลื้มปิติ

พล.อ.ปราการ ชลยุทธ รองเสนาธิการทหาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า สำหรับในวันนี้จริงๆแล้วเป็นเรื่องปกติสำหรับการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง แต่ในพื้นที่นี้เป็นพื้นที่พิเศษที่พี่น้องประชาชนมีความเอ็นดู และให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนผู้บังคับหน่วย ซึ่งทำให้เห็นว่าสิ่งที่ทำในห้วงที่ผ่านมานั้น ทำให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจและเข้าใจ ตามแนวทางการเมืองนำการทหาร ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนเช่นนี้ ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ท่านใหม่ จะสามารถนำความสันติสุขกลับคืนสู่พื้นที่ในเร็วๆ นี้

ด้าน พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ท่านใหม่ กล่าวว่า สำหรับตนเองที่ได้รับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก็จะดำเนินการตามนโยบายที่ท่านแม่ทัพท่านเก่าได้วางเอาไว้

สำหรับประวัติของ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ท่านใหม่ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 16 นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 27 เกิดเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2499 เป็นบุตรของนายเปล่ง และ นางจันทร์ฉาย ปฐมภาคย์ สมรสกับนางศรีกฤษ ปฐมภาคย์ มีบุตรด้วยกัน 2 คน เมื่อสำเร็จการศึกษาเมื่อปี 2523 ได้เลือกรับราชการในเหล่าทหารราบ ในตำแหน่งผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 จ.ปัตตานี

กว่า 30 ปี ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งงานด้านความมั่นคง งานด้านการพัฒนาและงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ และสามารถนำหน่วยเข้าทำการรบอย่างห้าวหาญ โดยได้นำกำลังเข้าปราบปรามขบวนการโจรก่อการร้ายคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) และขบวนการโจรก่อการร้าย (ขจก.) ซึ่งมีฐานที่มั่นใหญ่ในพื้นที่ป่าเขา มีการเคลื่อนไหวอย่างเข้มแข็ง และสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ดำรงยศเพียงแค่ร้อยตรีเมื่อปี 2524

กระทั่งปี 2546 โดยได้ปะทะกับกลุ่มกองกำลังโจรก่อการร้ายในขณะนั้นถึง 54 ครั้ง ทำให้สมาชิกกลุ่มโจรเสียชีวิต 29 คน ยึดอาวุธสงครามได้ 30 กระบอก ยึดค่ายพัก 2 แห่ง และสามารถชักชวนผู้หลงผิดเข้าเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยได้เป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้นยังได้รับการยอมรับจากภาคส่วนต่างๆ โดยมีผลงานเชิงประจักษ์ที่สำคัญ เช่น ผู้บังคับกองร้อยทหารราบดีเด่น เมื่อปี 2529 ข้าราชการดีเด่น สาขาความมั่นคงของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับพระราชทานเกียรติบัตรจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี 2541 นอกจากนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้บังคับการกรมทหารพรานดีเด่นเมื่อปี 2543 และได้รับรางวัลบุคคลตัวอย่างแห่งปี สาขาส่งเสริมพัฒนาความมั่นคง ประจำปี 2548

ในขณะที่เส้นทางรับราชการก็มีความเจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ เช่น ผู้บังคับกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อปี 2538 ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 เมื่อปี 2540 ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 4 เมื่อปี 2546 ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกปัตตานี เมื่อปี 2547 และขึ้นครองยศเป็นพลตรีในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราชที่ 15 เมื่อปี 2555

จากนั้นได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อปี 2557 โดยในขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในภารกิจที่สำคัญ ทั้งในเรื่องการถวายความปลอดภัย งานพัฒนาคุณภาพชีวิตตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้วางรากฐานการจัดตั้งกองกำลังทหารพรานให้มีความเข้มแข็งภายใต้แนวคิด “คุณธรรม อุดมการณ์ คือหัวใจทหารพรานเพื่อประชาชน”

นอกจากนี้ยังได้เสริมสร้างความพร้อมรบให้กองพลทหารราบที่ 15 ให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงานและรับผิดชอบพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติงานได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจแน่วแน่ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถอย่างทหารอาชีพ ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยคุณลักษณะของความเป็นชายชาติทหารที่เป็นแบบอย่างที่ดีในฐานะทหารของพระราชา ที่ทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนอย่างแท้จริง

โดยใช้หลักคิดในการปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และรู้รักสามัคคี ทำให้สามารถเข้าใจปัญหา เข้าใจประชาชน และเข้าใจระบบการทำงานได้อย่างลึกซึ้ง จนเป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติศาสนา ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าว ส่งผลให้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2558 เป็นผู้นำสูงสุดในการนำพากองทัพภาคที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ปฏิบัติภารกิจสำคัญตามนโยบายและการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้