xs
xsm
sm
md
lg

“เสนพงศ์” กระอักอีก! อบจ.นครฯ ปฏิเสธโอนทรัพย์สินในสนามกีฬากลางให้เทศบาล ได้เพียงแค่ที่เผาศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
นครศรีธรรมราช - เผยตระกูล “เสนพงศ์” สะเทือนหนัก! เมื่อสภา อบจ.ลงมติเอกฉันท์โอนทรัพย์สินให้เทศบาลนครนครศรีธรรมราชตามร้องขอได้เพียงแค่ “เมรุเผาศพ” ส่งผลให้ชวดอีก 10 รายการในสนามกีฬากลางจังหวัด เหตุเพราะบริหารจัดการไร้ประสิทธิภาพ อาคารถูกปล่อยร้าง ขณะที่อุปกรณ์ชำรุดใช้งานไม่ได้ ชี้ไม่สมกับงบปรับปรุงนับสิบล้าน แถม สตง.ตรวจพบพิรุธมากมาย

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ซึ่งมีขึ้นเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) ได้มีการพิจารณากรณีที่ก่อนหน้านี้ นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ได้ทำหนังสือขอให้ อบจ.นครศรีธรรมราช โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินรวม 11 รายการ ประกอบด้วย อาคารโรงยิมเนเซียม อัฒจันทร์มีหลังคา อาคารสโมสรสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำ ซุ้มประตูสนามกีฬา รั้วกำแพง บอร์ดไฟฟ้า โคมไฟ 3 รายการ และฌาปนสถาน (เมรุเผาศพ) วัดชะเมา ให้ไปอยู่ในความดูแลของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยที่ประชุมสภา อบจ.นครศรีธรรมราชได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และสุดท้ายได้มีการลงมติเป็นเอกฉันท์ และเป็นที่ยุติแล้ว

สำหรับผลของการลงมติที่เป็นเอกฉันท์ดังกล่าวของที่ประชุมสภา อบจ.นครศรีธรรมราชคือ ให้ อบจ.นครศรีธรรมราช โอนฌาปนสถาน หรือเมรุเผาศพวัดชะเมาเพียงรายการเดียวให้เป็นทรัพย์สินของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้โดยสมบูรณ์ ส่วนที่เหลืออีก 10 รายการให้ยังคงให้เป็นไปในรูปแบบเดิม กล่าวคือ ทรัพย์สินยังคงเป็นของ อบจ.นครศรีธรรมราช ส่วนการดูแล และบำรุงรักษายังให้เป็นหน้าที่ของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การที่ที่ประชุมสภา อบจ.นครศรีธรรมราช มีการลงมติดังกล่าวออกมาอย่างเป็นเอกฉันท์ เป็นเพราะเมรุเผาศพวัดชะเมาถือเป็นทรัพย์สินเพียงรายการเดียวที่แยกออกมาจากทรัพย์สินอื่นๆ โดยทรัพย์สินที่เหลือ 10 รายการ ล้วนอยู่ภายในสนามกีฬากลางของ จ.นครศรีธรรมราช ทั้งสิ้น และก่อนหน้าที่จะมีการประชุมสภา อบจ.นครศรีธรรมราชดังกล่าวไม่ถึงสัปดาห์ สมาชิกสภา อบจ.นครศรีธรรมราชกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันเดินทางไปตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว พบว่า สระว่ายน้ำ โรงยิมเนเซียม อัฒจันทร์ ห้องสุขา ห้องพักนักกีฬา ห้องอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงตัวอาคารได้ถูกปล่อยทิ้งร้างจนใช้การไม่ได้ และมีสภาพที่ทรุดโทรมมาก

 
นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์บางรายการที่เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ที่ผ่านมา แม้เทศบาลนครนครศรีธรรมราชจะใช้งบประมาณจำนวนมากปรับปรุงไปแล้ว แต่สภาพไม่ได้สอดคล้องต่อการใช้จ่ายงบประมาณลงไปเลย เช่น การปรับปรุงสนามฟุตบอล และลู่วิ่งด้วยงบประมาณกว่า 13 ล้านบาท แต่กลับได้ผลงานในสภาพทรุดโทรม ขณะที่มีการเตรียมผลักดันงบเพื่อการปรับปรุงสนามกีฬาในส่วนอื่นๆ อีกนับสิบล้านบาทในปีงบประมาณ 2559 ซึ่งเป็นไปท่ามกลางความกังขาของผู้คน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงที่ นายเชาวน์วัศ เสนพงศ์ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ทำหนังสือขอโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้ง 11 รายการให้มาเป็นของเทศบาลโดยสมบูรณ์นั้น ผู้ที่ยังนั่งในตำแหน่งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ นายมาโนช เสนพงศ์ ผู้เป็นน้องชายนั่นเอง แต่ต่อมา นายมาโนช เสนพงศ์ ได้ถูกศาลอุทธรณ์พิจารณาลงโทษในคดีเลือกตั้งมีอันต้องพ้นจากตำแหน่งไป ซึ่งจนถึงเวลานี้ นายสนั่น ศิลารัตน์ ปลัด อบจ.นครศรีธรรมราช ได้ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.นครศรีธรรมราชแทนจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ภูมิภาคที่ 14 และสำนักตรวจสอบพิเศษได้มีการตรวจสอบสนามกีฬากลาง จ.นครศรีธรรมราช ภายใต้การใช้งบประมาณ 13 ล้านบาทเศษของเทศบาลนครนครศรีธรรมราชมาแล้วเมื่อช่วงต้นปี 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งได้พบหลักฐาน และข้อมูลของความผิดปกติหลายรายการ และได้ส่งข้อมูลไปให้แก่สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินในส่วนกลางพิจารณาต่อแล้วเช่นกัน
















 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น