นครศรีธรรมราช - เหตุโรงพักเก่านครศรีธรรมราชหาย ที่แท้เทศบาลปากนครรื้อซากเพราะกลัวถล่ม หวั่นทับนักเรียนประถมที่ชอบไปเล่นใต้ถุนบ่อย และยังมีวัยรุ่นมั่วสุมถึงขั้นเคยเจอระเบิด ผบก.นครศรีธรรมราชเผยไม่เกี่ยวกับตำรวจเลย เชื่อมูลเหตุการเมืองท้องถิ่นสาดโคลนกัน
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังจากที่สื่อบางสำนักได้เผยแพร่ข่าวโรงพักเก่าหายทั้งหลัง โดยมีอดีตนักการเมืองท้องถิ่นเป็นผู้ระบุว่ามีการโจรกรรมไม้เก่าเรือนโรงพักปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และนำไม้ไปแช่น้ำในบริเวณใกล้เคียง จนเป็นที่กังขาว่าเหตุใดถึงมีการโจรกรรมโรงพักได้ทั้งหลัง ขณะที่ไม่ห่างกันนั้นมีป้อมสายตรวจตำรวจปากนครตั้งอยู่และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการเรียบร้อย และต่างงุนงงกับกรณีนี้หลังจากที่ข่าวเผยแพร่ออกไป
พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำรวจเลย เป็นเรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่นกันในพื้นที่ มากกว่า โรงพักที่ว่าหายนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นทรัพย์สินใดๆ ของทางราชการ ไม่มีทะเบียนคุม เพราะไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินของทางราชการมาตั้งแต่ต้นแล้ว การรื้อถอนจึงไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดตามข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จนได้ความว่า ผู้ที่รื้อถอนอาคารสายตรวจเก่าแห่งนี้ได้เกิดขึ้นจากข้อตกลงระหว่างนายสมศักดิ์ อนันตพืช นายกเทศมนตรีตำบลปากนคร และสายตรวจตำบลปากนคร ขณะที่ไม้ที่ถูกรื้อนั้นได้นำไปแช่ไว้ในบ่อน้ำของสหกรณ์การเกษตร ไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง สืบเนื่องจากการรื้อถอนนั้นพบว่าอาคารหลังนี้เป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่และผุผังอย่างหนักแล้ว โดยเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเด็กประถมโรงเรียนวัดมุขธาราที่ไปเล่นกันใต้ถุนอาคารแห่งนี้ รวมทั้งชั้นบนเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นบ่อยครั้ง
นายสมศักดิ์ อนันตพืช นายกเทศมนตรีตำบลปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ระบุว่า ก่อนการรื้อถอนนั้นมีที่มาที่ไป การรื้อถอนเกิดขึ้นหลังจากได้หารือกับหัวหน้าสายตรวจตำบลปากนคร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับอาคารไม้เก่าที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างหนักทั้งปลวกและมอดกัดกินจนทรุดไปแล้วบางส่วน โดยมีเหตุผลสำคัญคือก่อนหน้าพบว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นมีการนำระเบิดมือไปซุกซ่อน เจ้าหน้าที่อีโอดีของ บก.ภ.นครศรีธรรมราชเคยมาเก็บกู้ไปแล้ว ส่วนใต้ถุนด้านล่างเด็กประถมโรงเรียนวัดมุขธารามาวิ่งเล่นกันเป็นประจำ
ผลสรุปคือหลังจากสายตรวจปากนครไปดูข้อมูลทะเบียนคุมทรัพย์สินของทางราชการ ปรากฏว่าอาคารหลังนี้ไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของทางราชการมาตั้งแต่ต้นแล้ว การสร้างขึ้นนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ตำรวจแค่มาใช้งานชั่วคราว ไม่มีทะเบียนควบคุม จะไปแจ้งใครจะไปขอประมูลรื้อถอนกับใคร ที่ดินก็เป็นที่สาธารณะ จึงตกลงกันว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงจำเป็นต้องรื้อถอนและนำไม้ไปแช่น้ำฆ่าปลวกมอดที่อยู่ในเนื้อไม้ จากนั้นจะนำไม้มาสร้างต่อเติมที่พักสายตรวจตำบลปากนครเพิ่มขึ้นเป็นศาลา อปพร.เทศบาลตำบลปากนคร ทางเทศบาลจะส่งมาปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย ไม้ถูกแช่น้ำไว้อย่างเปิดเผยในบ่อน้ำของสหกรณ์การเกษตร หลังจากได้เวลา อปพร.และอาสาสมัครชาวบ้านจะมาช่วยกันสร้างไม่ต้องใช้งบของทางราชการด้วยซ้ำ
นายสมศักดิ์ระบุด้วยว่า หลังจากที่ตนชนะการเลือกตั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ความพยายามของนักการเมืองบางคนที่จ้องจะเล่นงานผมมาตลอด พยายามจะร้องเรียนหรือหาช่องในการฟ้องร้องตลอดแต่ไม่เคยทำได้ เขาทำอย่างไรก็ได้ให้ตนพ้นจากตำแหน่ง และท้ายที่สุดไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลก่อนว่าการรื้ออาคารไม้เก่านี้มีที่ไปที่มาอย่างไร จึงเป็นประเด็นเกิดขึ้นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง