กระบี่ - ตร.กระบี่ รวบนายหน้าธุรกิจขายตรง ตุ๋นลูกค้านับ 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่ม
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (3 ก.ย.) ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ ได้มีชาวบ้านประมาณ 100 คน ทั้งจากจังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต นำบัตรสมาชิกบริษัทกรีนเวิร์ล เพื่อที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.ภัครัศมิ์ หรือแก้วกาณฏา เกิดขาว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 351/11 ม.11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ ผู้ต้องตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ เลขที่ 57/58 ลง วันที่ 3 ก.พ.58 ใน ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวได้เมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านบลู ถ.โฉลกรัฐ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งแจ้งความเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ต้องหา และจะขอดูหน้าผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้ดูตัวได้ หวั่นมีการทำร้าย และเกิดความวุ่นวาย
ผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่า เมื่อปี 55 ที่ผ่านมา น.ส.ภัครัศมิ์ หรือแก้วกาณฏา ผู้ต้องหาได้ชักชวนให้ตนทำธุรกิจโดยสมัครเป็นสมาชิกร่วมลงทุนกับบริษัทกรีนเวิร์ล โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง โดยถ้าลงทุนเป็นเงิน 30,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน จำนวน 26,700 บาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน และเห็นว่าเพื่อนก็เป็นสมาชิกด้วย และได้รับผลตอบแทนมาแล้วจึงได้ร่วมลงทุนด้วย โดยครั้งแรกได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหาเป็นเงิน 3 หมื่นบาท โดยมีสินค้าเป็นกาแฟ และสมุนไพรต่างๆ มาให้จำหน่าย โดยในช่วง 3 เดือนแรก ก็ได้รับเงินตอบแทนจำนวนดังกล่าวจริง
และได้รับคำแนะนำจากผู้ต้องหาอีกว่า ถ้าไปหาสมาชิกมาเพิ่มจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มอีก 20% ต่อสมาชิก 3 คน จึงได้ชักชวนสมาชิกมาเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อหวังเงินเปอร์เซ็นต์ตอบแทน แต่หลังจากนั้นในปี 56 ก็เริ่มมีปัญหาเนื่องจากไม่ได้ค่าตอบแทนตามที่ผู้ต้องหาบอกไว้ จึงได้ติดต่อไปยังผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่า ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด โดยอ้างว่าบริษัทเพิ่งเปิดใหม่อยู่ระหว่างดำเนินการ จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงติดต่อไปยังบริษัทโดยตรงแต่พบว่าบริษัทได้ปิดตัวไปแล้ว จนกระทั่งได้ทราบว่า วันนี้ผู้ต้องหาถูกจับกุมได้จึงได้เข้ามาแจ้งความเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งตน และสมาชิกในเครือข่ายลงไปทุนไปแล้วมูลค่าว่า 1 ล้านบาท
พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ได้ออกมาชี้แจงต่อผู้เสียหาย ว่า คดีดังกล่าวได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 15 ปาก ส่งสำนวนไปให้อัยการพิจารณาแล้วเมื่อวันที่ 25 เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ และเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมนั้น ก็ให้ตัวแทนสมาชิกรวบรวมรายชื่อพร้อมระบุความเสียหายทั้งหมด นำไปยื่นที่สำนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ เพื่อขอให้พิจารณาสอบสวนผู้เสียหายเพิ่มเติมต่อไป
จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นตัวแทนสมาชิกสาขาต่างๆ กว่า 50 คน ได้มาลงชื่อไว้ที่ สภ.เมืองกระบี่ เพื่อรวบรวมรายชื่อส่งให้สำนักงานอัยการพิจารณา รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (3 ก.ย.) ที่หน้าสถานีตำรวจภูธรเมืองกระบี่ ได้มีชาวบ้านประมาณ 100 คน ทั้งจากจังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต นำบัตรสมาชิกบริษัทกรีนเวิร์ล เพื่อที่จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.ภัครัศมิ์ หรือแก้วกาณฏา เกิดขาว อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 351/11 ม.11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ ผู้ต้องตามหมายจับศาลจังหวัดกระบี่ เลขที่ 57/58 ลง วันที่ 3 ก.พ.58 ใน ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” หลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวได้เมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านบลู ถ.โฉลกรัฐ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมทั้งแจ้งความเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ต้องหา และจะขอดูหน้าผู้ต้องหาซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้ดูตัวได้ หวั่นมีการทำร้าย และเกิดความวุ่นวาย
ผู้เสียหายรายหนึ่งเปิดเผยว่า เมื่อปี 55 ที่ผ่านมา น.ส.ภัครัศมิ์ หรือแก้วกาณฏา ผู้ต้องหาได้ชักชวนให้ตนทำธุรกิจโดยสมัครเป็นสมาชิกร่วมลงทุนกับบริษัทกรีนเวิร์ล โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง โดยถ้าลงทุนเป็นเงิน 30,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน จำนวน 26,700 บาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน และเห็นว่าเพื่อนก็เป็นสมาชิกด้วย และได้รับผลตอบแทนมาแล้วจึงได้ร่วมลงทุนด้วย โดยครั้งแรกได้โอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหาเป็นเงิน 3 หมื่นบาท โดยมีสินค้าเป็นกาแฟ และสมุนไพรต่างๆ มาให้จำหน่าย โดยในช่วง 3 เดือนแรก ก็ได้รับเงินตอบแทนจำนวนดังกล่าวจริง
และได้รับคำแนะนำจากผู้ต้องหาอีกว่า ถ้าไปหาสมาชิกมาเพิ่มจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มอีก 20% ต่อสมาชิก 3 คน จึงได้ชักชวนสมาชิกมาเพิ่มเรื่อยๆ เพื่อหวังเงินเปอร์เซ็นต์ตอบแทน แต่หลังจากนั้นในปี 56 ก็เริ่มมีปัญหาเนื่องจากไม่ได้ค่าตอบแทนตามที่ผู้ต้องหาบอกไว้ จึงได้ติดต่อไปยังผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่า ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด โดยอ้างว่าบริษัทเพิ่งเปิดใหม่อยู่ระหว่างดำเนินการ จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงติดต่อไปยังบริษัทโดยตรงแต่พบว่าบริษัทได้ปิดตัวไปแล้ว จนกระทั่งได้ทราบว่า วันนี้ผู้ต้องหาถูกจับกุมได้จึงได้เข้ามาแจ้งความเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งตน และสมาชิกในเครือข่ายลงไปทุนไปแล้วมูลค่าว่า 1 ล้านบาท
พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ได้ออกมาชี้แจงต่อผู้เสียหาย ว่า คดีดังกล่าวได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 15 ปาก ส่งสำนวนไปให้อัยการพิจารณาแล้วเมื่อวันที่ 25 เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ และเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมนั้น ก็ให้ตัวแทนสมาชิกรวบรวมรายชื่อพร้อมระบุความเสียหายทั้งหมด นำไปยื่นที่สำนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ เพื่อขอให้พิจารณาสอบสวนผู้เสียหายเพิ่มเติมต่อไป
จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นตัวแทนสมาชิกสาขาต่างๆ กว่า 50 คน ได้มาลงชื่อไว้ที่ สภ.เมืองกระบี่ เพื่อรวบรวมรายชื่อส่งให้สำนักงานอัยการพิจารณา รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท