เพราะความอุดมสมบูรณ์ของทะเลอ่าวปากบารา อ.ละงู จ.สตูล แท้ๆ ที่ทำให้ชาวบ้านถิ่นนี้อยู่ดีกินกีมีความสุขจากการหาอยู่หากินเรียบง่ายภายใต้วิถีชีวิตบ้านๆ แบบไม่เบียดเบียนใคร ไม่ยอมให้ใครมาเบียดเบียนรังแก แต่ยินดีเป็นมิตรกับแขกต่างถิ่นทุกคน นี่คือเอกลักษณ์ดีงามอย่างหนึ่งของ จ.สตูล เมืองท่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมายควรค่าแก่การรักษาไว้ให้ลูกหลาน ที่นี่แม้กระทั่งบริเวณชายหาดยังเต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย รวมทั้งสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูลจะพาเราไปร่วมค้นหากันในวันนี้
...เมื่อชาวบ้านชวนไปหาหอยในเวลากลางคืน เอ๊ะ!!..จะมองเห็นเหรอ หอยอะไรคะ มันเรืองแสงเหรอ แล้วถ้าไม่เรืองแสงจะมองเห็นเหรอ คงต้องจัดสปอตไลต์ตัวโตๆ ทราบมาว่าเป็นหอยแปลก หน้าตาละม้ายคล้าย ไตรโรไบ หรือแมงดาทะเลดึกดำบรรพ์ อย่างไรก็ต้องไปดูให้เห็นกับตา
เมื่อไปถึงจุดนัดพบ ทีมชาวบ้านก็เตรียมเครื่องมือหาหอย ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์สำหรับแงะ เป็นเหล็กบางแบน ถุงอวนสำหรับใส่หอย และไฟฉายไม่งั้นคงไม่เห็นตัวหอย เพราะแสงจันทร์นวลผ่องคงส่องมาไม่ถึง อุปกรณ์ไม่เยอะ อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ รองเท้าหุ้มส้น หรือจะเป็นผ้าใบก็ได้ ป้องกันหอยที่ติดอยู่กับโขดหินบาดเท้าเอา
ทริปนี้ไม่ได้มีแค่ชาวบ้านกับนักข่าว แต่ยังมีผู้นำที่พร้อมจะลุยไปกับเรา นั่นคือ นายอำเภอละงู นายศิลปะชัย เรือนสูง พร้อมปลัดอำเภอ นายแพทย์สาธารณสุขอำเภอ รวมๆ ก็หลายคนอยู่ค่ะ ไปหลายคนช่วยกันหาหอย คงจะได้สักจานอร่อย
เมื่อไปถึงชายหาดหินในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล จะเห็นแสงไฟสะท้อนอีกฟากหนึ่งสวยงามดี บวกกับเสียงคลื่นเล็กกระทบฝั่งช่างโรแมนติกเสียจริง แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมาย เพราะเป้าหมายของเราคือ หอยลิ้น ชาวบ้านบอกว่ามันเกาะติดอยู่กับโขดหิน ถ้าเจอตัวหนึ่งก็จะเจออีกหลายตัวเพราะมันจะอยู่เป็นกลุ่ม (คงเป็นสัตว์สังคมมีคนแซว) เจอตัวแรกทุกคนตื่นเต้นมาก มันมีลักษณะประหลาดคล้ายกับ ไตรโรไบ หรือแมงดาทะเลดึกดำบรรพ์ ตรงกลางลำตัวเป็นเกล็ดสีขาวเรียงซ้อนกัน 8-10 เกล็ด ตรงขอบรอบตัวมองไปเหมือนหนามสั้นๆ แต่ไม่คม นิ่มๆ หน่อยมีสีดำ เราจึงลองใช้เหล็กบางแงะตรงขอบซึ่งเกาะแน่นมาก เมื่อแงะสักนิด หอยลิ้นก็จะคลายตัวออกมาอย่างง่ายดาย สักพักมันก็จะม้วนตัวจนกลมทีเดียว คงเป็นสัญชาตญาณการป้องกันตัวของมัน
ทีมงานเริ่มสนุกกันแล้วเมื่อยิ่งหายิ่งเจอ ตื่นเต้นกันใหญ่ ซึ่งเราจะเลือกตัวใหญ่เท่านั้นเพื่อให้หอยลิ้นขยายพันธุ์ให้ลูกหลานได้เห็นไปอีกนาน ทริปนี้เราได้หอยมาถุงใหญ่ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง การหาหอยลิ้นต้องยอมรับว่าไม่ง่ายเลย เพราะเราต้องหาในเวลากลางคืน ชาวบ้านที่นี่บอกว่ากลางวันจะหายากเพราะหอยลิ้นจะหลบแดดไม่ออกมาเผยโฉมให้เราเห็นง่ายๆ
แม่บ้านบอกว่า หอยลิ้นนิยมนำมายำ โดยจะลวกในน้ำร้อนจัดใช้เวลาไม่นาน เพราะถ้านานมากเนื้อหอยจะแข็งเคี้ยวยาก เมื่อผ่านขั้นตอนการลวกเสร็จก็นำหอยมาทุบเพื่อให้เกล็ดหอยลิ้นหลุดออกมาจนเผยเนื้อขาวๆ จากนั้นก็นำหอยมาล้างให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกับเครื่องยำ กับเครื่องเคียงที่เตรียมไว้ ซึ่งประกอบด้วย กรือแซะ (มะพร้าวคั่ว) พริกขี้หนูซอย หอมแดง ถั่วฝักยาวซอย ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา น้ำตาล รสชาติอร่อยกลมกล่อม เคี้ยวกรุบกรับเหมือนเอ็นไก่
นายอับดุลข่อเลด ลัดเลีย ชาวบ้านที่พบ และหาหอยนำมาเป็นอาหาร กล่าวว่า หอยลิ้นต้องหากลางคืนไม่เหมือนหอยอื่นทั่วไปที่หากลางวัน เพราะกลางคืนน้ำลดหอยนี้จะออกมาเกาะตามโขดหิน ซอกหิน ต้องสังเกตให้ดีเพราะหายาก และหอยลิ้นนี้กลางวันจะหลบแสง ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงออกมาหากลางคืน และที่สำคัญหอยนี้จะพบมากแถวเกาะหลีเป๊ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีหอยนี้ขายตกอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ที่หาซื้อกันบนเกาะหลีเป๊ะ แต่จะแพงในช่วงเทศกาลสำคัญ จะแพงถึงกิโลกรัมละ 400 บาท ที่แพงเพราะหายาก ส่วนพื้นที่อำเภอละงูนั้นมีหอยอีกหลายชนิด เช่น หอยตลับ หรือหอยปะ หอยหวาน หอยกัน หอยปุ้งปิ๊ง (หอยน้ำจืด) ทำได้หลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นประเภทยำ หรือผัด ทำเป็นกับแกล้มก็อร่อยดี
ทางด้านนายอำเภอละงู หลังจากลงพื้นที่หาหอยลิ้นกับชาวบ้าน ก็เกิดไอเดียเตรียมปรับเป็นพื้นที่การท่องเที่ยว เตรียมวางแผนจัดการแข็งขันหาหอยลิ้น ของแปลกที่ใครๆ ต้องมาดูมาเที่ยวชม นายศิลปะชัย เรือนสูง กล่าวว่า ในพื้นที่อำเภอละงู มีของดีหลายอย่างที่น่าสนใจ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลของดีของเด่นเพื่อจัดกิจกรรม ใต้ฟ้าสีคราม อ.ละงู มีอะไร โดยการจัดทริปไปหาหอย ตกกุ้ง ดูหิ่งห้อย มีบริการที่พักโฮมสเตย์ รีสอร์ต โรงแรม และจะรวบรวมข้อมูลร้านอาหารต่างๆ มารวมในงานเพื่อสร้างโอกาสสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน เพราะที่อำเภอละงูนี้มีของดีมากมาย
ใครที่ติดเกาะตามลำพัง นอกจากการใช้ไม้แหลมหาปลาเหมือนในละครแล้ว ลองเดินไปตามโขดหินก็อาจจะพบหอยลิ้นเกาะอยู่ก็ใช้ประทังชีวิตได้ และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทะเลสตูล ที่มีความอุดมสมบูรณ์ควรค่าแก่การหวงแหนไม่ใช่หรือ?