xs
xsm
sm
md
lg

สุดมั่ว! พระต่างถิ่นควงฆราวาสบุกวัดพระธาตุเมืองคอน อ้างสร้างศูนย์สินค้าที่ระลึกเหมือนมัสยิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - มั่วหนักกลุ่มพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนต่างถิ่นจับแพะชนแกะ อ้างเป็นองค์กรพิทักษ์พุทธศาสนา บุกวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ค้านปรับภูมิทัศน์ศูนย์จำหน่ายสินค้าในวัดพระธาตุ อ้างนำศิลปะต่างศาสนามาไว้ในวัด ผู้รู้ตอกกลับไปศึกษามาก่อนสร้างความแตกแยก

วันนี้ (20 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศูนย์จำหน่ายสินค้าที่ระลึก ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีพระสงฆ์ สามเณร และพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งอ้างว่าเป็นเครือข่ายองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนา พระสงฆ์ภาคใต้ รวมตัวเพื่อเรียกร้องให้ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช รื้อแนวหน้ากากบังตากั้นศูนย์จำหน่ายสินค้าที่ระลึกเนื่องจากอ้างว่าศิลปะต่างศาสนาไม่มีความเหมาะสมจะนำมาไว้ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

ขณะที่พระปลัดนรุตม์ชัย อภินนโท อ้างว่า มาจากวัดเกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ในนามองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนา พระสงฆ์ภาคใต้ ระบุว่าว่า เนื่องจากการปรับสถานที่บริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ปรับในพื้นที่หลายๆ จุดด้วยกัน เช่น การเคลื่อนย้ายรูปเหมือนเจ้าชายธนกุมาร และเจ้าหญิงเหมชาลา การรื้อพื้นตัวหนอนแล้วใช้ทรายแทนในบริเวณ และการสร้างอาคารศูนย์ศูนย์การค้าแปลนมัสยิด เป็นต้น
 

 
พระปลัดนรุตม์ชัย ระบุว่าว่า การสร้างอาคารดังกล่าวเป็นการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดความสลดใจแก่ผู้ที่พบเห็น จึงมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม 2 ข้อ ให้มีการตรวจสอบว่าใครเป็นผู้สร้างอาคารดังกล่าว เพราะสถานที่นั้นเป็นพุทธสถานทางพุทธศาสนา 2) ให้รื้ออาคารดังกล่าวภายใน 60 วัน 3) ให้มีการสร้างอาคารสถาปัตยกรรมแบบพุทธศิลป์ในพื้นที่พุทธศาสนาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในการเคลื่อนไหวของกลุ่มพระสงฆ์ และพุทธสาสนิกชนที่อ้างตัวว่าเป็นองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนา เป็นที่น่าสังเกตว่า ล้วนเป็นคนต่างถิ่น ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ที่ทราบข้อมูลว่าการปรับปรุงภูมิทัศน์ของวัดนั้นเกิดจากสาเหตุใด อย่างไร และมีที่มาที่ไปอย่างไรภายหลัง พระสงฆ์ และชาวพุทธกลุ่มนี้ได้สลายตัวไป

ขณะที่นักวิชาการที่เกี่ยวข้องรายหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า อาคารลักษณะรูปแบบหน้ากากสร้างภูมิทัศน์ของศูนย์สินค้าที่ระลึกไม่ใช่อาคารด้วยซ้ำ เป็นเพียงแผงฉากสร้างภูมิทัศน์เหมือนกับฉากเวที ที่นี่เป็นเพียงฉากหน้ากากที่สร้างภูมิทัศน์ให้ดูดีขึ้น เป็นระเบียบมากขึ้น นี่คือการเข้าใจผิดลำดับแรก และหน้ากากดังกล่าวดังไม่ใช่มัสยิด แต่เป็นข้อมูลที่สืบค้นได้จากทุกแหล่ง

“แท้ที่จริงแล้วเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกิส คือ ลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบจีน-โปรตุเกส คือ การผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุโรป และศิลปะจีน กล่าวคือ “สถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม” หรือ “อาคารแบบโคโลเนียล” (Colonial Style) ถ้าเป็นอาคาร 2 ชั้นกึ่งร้านค้ากึ่งที่อยู่อาศัย (shop-house or semi-residential) จะมีด้านหน้าอาคารที่ชั้นล่างมีช่องโค้ง (arch) ต่อเนื่องกันเป็นระยะๆ เพื่อให้เกิดการเดินเท้า ที่ภาษาไทยเรียกทับศัพท์ว่า “อาเขต” (arcade) หรือที่ภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า “หง่อคาขี่” ซึ่งมีความหมายว่า ทางเดินกว้างห้าฟุต ในภาษามลายูแปลว่า ทางเดินเท้า กากี่ แปลว่าเท้า นอกจากอาเขตแล้ว อาคารแบบโคโลเนียลมีการนำลวดลายศิลปะตะวันตกแบบกรีก โรมัน หรือเรียกว่า “สมัยคลาสสิก” เช่น หน้าต่างวงโค้งเกือกม้า หรือหัวเสาแบบโยนิก หรือไอโอนิก (แบบม้วนก้นหอย) และคอรินเทียน (มีใบไม้ขนาดใหญ่ประดับ) ซึ่งนี่เป็นข้อมูลสาธารณะสืบค้นได้เลย และอาจเป็นสิ่งที่พระสงฆ์สามเณรพุทธศาสนิกชนเหล่านี้เข้าใจผิดนั่นเอง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ต่อมัสยิดทั้งสิ้น สิ่งที่เขาเคลื่อนไหวต้องถามว่า ต้องการอะไร ปัจจุบันความแตกแยกในสังคมไม่พออีกหรือ” นักวิชาการรายนี้ กล่าว

 
การเป็นพระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้อันแรกคิดว่าเป็นจรรยาที่ไม่ควรต่อสมณสารูป สุ่มเสี่ยงต่อการต้องอาบัติในข้อที่ว่า โลกะวัชชะ หรือต้องถูกโลกติเตียนถึงวัตรปฏิบัติของสงฆ์ และท่านควรศึกษาลงลึกในรายละเอียดว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปอย่างไร และควรบอกกล่าวพุทธศาสนิกชนถึงทางที่ถูกที่ควร ไม่ใช่เป็นผู้ปลุกปั่นเสียเอง เป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่ไปโยงเอาศาสนาอื่นทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง เข้ามาพัวพันให้เกิดความร้าวฉานเกลียดชังกัน

“ท่านที่เกี่ยวข้องต่อการเคลื่อนไหวลองมานั่งพิจารณาบริบทในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารนครศรีธรรมราช ทั้งวันจะเห็นว่ามีพี่น้องทุกเชื้อชาติทุกศาสนา เข้ามาเที่ยวชมประวัติศาสตร์ และบริเวณวัดอย่างมีความสุข นี่คือการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” นักวิชาการรายนี้ กล่าว

เขายังกล่าวอีกว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สอนให้เดินทางสายกลางที่มีความพอดี การสะท้อนผ่านฉากศิลปะคือ การผสมผสานทุกอย่างอยู่กันได้อย่างมีความสุข ทุกเชื้อชาติศาสนาอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข แบบของอาคารรูปแบบชิโนโปรตุกิสที่เก่าแก่มีอยู่หลายหลังในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีให้เห็นอยู่ควรศึกษาที่มา เช่น อาคารของสำนักงาน ททท.นครศรีธรรมราช เป็นต้น และย้ำว่า ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารไม่ใช่อาคารแต่เป็นหน้ากากแผงกั้นย่านการค้าของที่ระลึกเท่านั้น และมีเพียงแผง 2 แผงเท่านั้นคือ ฝั่งตะวันออก และฝั่งเหนือแค่นี้กลับไม่ได้สังเกตแล้ว

เช่นเดียวกับนักประวัติศาสตร์มุสลิมที่เข้าศึกษาประวัติศาสตร์ของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารบ่อยครั้ง ระบุผ่านสังออนไลน์ในเรื่องเดียวกันนี้ว่า ไม่ใช่มัสยิดอย่างเด็ดขาด และไม่มีทางเป็นไปได้ มัสยิดต้องประกอบด้วยโดม และหออาซาน จึงจะเป็นมัสยิด

ส่วนการปรับภูมิทัศน์ภายในบริเวณลานวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นั้นเป็นการปรับภูมิทัศน์ให้กลับไปแบบดั้งเดิมเช่นสมัยโบราณ คือ มีลานทรายขาวสะอาดที่เรียกว่าหาดทรายแก้ว แต่มาเมื่อราว 20 ปีก่อน ได้มีการปูตัวหนอนทับทั้งหมดจนคุ้นตาโดยไม่รู้ที่มาที่ไป ปัจจุบันมีการปรับปรุงให้เป็นแบบดั้งเดิม ภาพเก่าภาพโบราณมีให้เห็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับการย้ายรูปเคารพที่เพิ่งนำมาตั้งไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยอัญเชิญไปไว้ที่ข้างพระวิหารหลวง สืบเนื่องจากการปรับปรุงให้บริเวณสวนรุกขชาตที่มีความร่มเย็นจากต้นไม้ใหญ่ให้เป็นอุทยานที่มีรูปเคารพให้ประชาชนเข้าสักการะ และให้พื้นที่ดั้งเดิมสอดคล้องต่อการปรับภูมิทัศน์รองรับการเป็นมรดกโลกนั่นเอง
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น