ตรัง - เจ้าอาวาสวัดดังเมืองหมูย่าง ร้องมีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างคนใหญ่คนโต แม้กระทั่ง “พระสุเทพ” ที่เพิ่งกลายเป็นทิดสึกใหม่ก็ไม่เว้น หลอกหาเงินบริจาคจากชาวบ้าน เผยโดนกันแล้วทั่วหน้า รวมถึงโยมแม่
วันนี้ (11 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูภาวนาสมาธิคุณ เจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง ได้ออกมาร้องเรียนว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจากโยมแม่ คือ นางเลี่ยน สุธีรศานต์ อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/1-2 ถ.รัษฎา ต.ทับเที่ยง ในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งขณะนั้นกำลังพักอยู่บ้านเพียงลำพัง เนื่องจากบุตรหลานคนอื่นๆ ไปทำงานกันหมด
จากนั้นได้มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงิน ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น และหมายเลขทะเบียน มาจอดหน้าบ้าน แล้วเรียกให้โยมแม่ของตนออกมาพร้อมแสดงทีท่าว่าเป็นคนรู้จักสนิทสนม แถมยังมีการเรียกชื่อโยมแม่ของตนถูกต้อง ก่อนอ้างว่า นายกเทศมนตรีนครตรัง ใช้ให้ตนมาบอกบุญ เนื่องจากพระสุเทพ จะมาทำการบวชพระที่วัดถ้ำสุมโน จ.พัทลุง แต่ยังขาดปัจจัยอยู่ส่วนหนึ่งประมาณ 900 บาท จึงขอให้โยมแม่ของตนช่วยเหลือ
โดยชายฉกรรจ์คนดังกล่าวมีวิธีการพูดจาหว่านล้อมสารพัด พร้อมมีการอ้างถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป รวมทั้งมีการอ้างว่าเป็นศิษย์เก่าชื่อดังโรงเรียนแห่งหนึ่ง และสามารถเรียกชื่อของบุคคลในแต่ละรุ่นๆ ได้ถูกต้องแม่นยำ นอกจากนั้น ยังอ้างว่าตนเพิ่งจะเข้ามาทำงานเป็นพนักงานของเทศบาลนครตรัง ซึ่งขณะนั่งสนทนากับโยมแม่ของตนนั้น ชายคนดังกล่าวได้สวมหมวกกันน็อกตลอดเวลา และไม่ยอมถอดออก
กระทั่งเมื่อนั่งพูดไปได้สักพักก็ทำทีว่าจะต้องไปแล้ว และให้รีบๆ จ่ายเงินให้ แต่โชคดีโยมแม่ของตนไหวตัวทัน เพราะทราบว่า พระสุเทพ ได้ลาสิกขาแล้ว และขณะนี้นายกเทศมนตรีนครตรัง ก็ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในตำแหน่งแล้วเช่นกัน จึงมิได้มีการจ่ายเงินให้แก่ชายคนนี้ไป โดยพฤติกรรมทั้งหมดภาพวงจรปิดที่ติดไว้บริเวณหน้าบ้านสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้
พระครูภาวนาสมาธิคุณ กล่าวว่า ชายฉกรรจ์คนนี้มีพฤติกรรมเหิมเกริมในลักษณะดังกล่าวมาหลายปีแล้ว และมากขึ้นทุกๆ วัน โดยชอบหลอกลวงชาวบ้าน และเอาเรื่องพระพุทธศาสนามาแอบอ้างหากิน ซึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน ตนเคยนำญาติที่ถูกหลอกลวงไปแจ้งความมาครั้งหนึ่งแล้ว และมีอีกหลายรายที่มีการแจ้งความ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังเงียบเฉยไม่มีความคืบหน้า เมื่อแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง ก็ยังเงียบเฉยอีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตนได้พาโยมแม่ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองตรัง เพื่อเป็นหลักฐานแล้ว และขอวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด จงอย่าปล่อยให้หากินโดยการหลอกลวงชาวบ้าน และเป็นมารศาสนาต่อไปอีกเลย
