ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เผย “ผู้ว่าฯ สงขลา” หยิบ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ออกคำสั่งห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวคัดค้าน “เวที ค.3 โรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเรือขนส่งถ่านหินเทพา” ของ กฟผ. ด้านภาคประชาชนชี้เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ และนโยบาย คสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ค.) ที่ห้องประชุม สจรส. ชั้น 14 อาคาร LRC ม.อ.วิทยาเขตหาดใหญ่ ภายหลังจากมีการเปิดเวที “ค.3 ภาคประชาชน โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา พัฒนาหรือหายนะ” ซึ่งมีวิทยากรทั้งในพื้นที่ และจากทั่วประเทศกว่า 10 คน มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับประชาชนชาวสงขลาได้ไม่นาน ปรากฏว่า ได้มีผู้นำเอาคำสั่งที่ลงนามโดย นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เรื่องการห้ามบุคคล หรือกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหวหรือชุมนุมคัดค้านเวที ค.3 โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และท่าเรือขนส่งถ่านหินเทพา ซึ่งทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ ซึ่งสร้างความคลางแคลงใจ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมากว้างขว้าง
ทั้งนี้ เนื่องหาของคำสั่งที่ลงนามโดยผู้ว่าฯ สงขลา ลงวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาดังกล่าวนั้น มีรายละเอียดคือ คำสั่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา เรื่อง ห้ามบุคคลและกลุ่มบุคคลเข้าไปชุมนุมเคลื่อนไหวหรือดำเนินการด้วยประการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เว้นแต่ผู้ซึ่งได้รับอนุญาต หรือผู้ที่ได้รับคำสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ด้วยขณะนี้จากการประมวลข้อมูลข่าวสาร สามารถสรุปสถานการณ์ และอาจมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่มีความเห็นต่างในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา อันอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนและรัฐ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 มาตรา 22 และมาตรา 27(3) แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จึงออกคำสั่งห้ามบุคคล หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปชุมนุมหรือดำเนินการด้วยประการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่บริเวณอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ในระหว่างเวลา 01.00 น. ของวันที่ 26 ก.ค.2558 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค.2558
“ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามนัยแห่งมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เนื้อหาของหนังสือคำสั่งดังกล่าวยังถูกหยิบยกไปวิพากษ์วิจารณ์กันบนเวที “ค.3 ภาคประชาชน โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา พัฒนาหรือหายนะ” อย่างกว้างขวาง และมีนักกฎหมายให้ความคิดเห็นว่า คำสั่งนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญ และนโยบายของ คสช.อีกด้วย