xs
xsm
sm
md
lg

ภูเก็ตเดินตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวเข้าข่ายนอมินี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บูรณาการร่วมหลายฝ่ายออกตรวจบริษัทนำเที่ยว ป้องกันต่างชาติใช้ “นอมินี” แฝงหาผลประโยชน์

วันนี้ (16 ก.ค.) นายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต และนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 ภูเก็ต ออกตรวจบริษัทนำเที่ยว ร่วมกับตำรวจดีเอสไอ ภาค 8 นำโดย พ.ต.ต.ภิภพ มะโรหบุตร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 8 เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมท่องเที่ยว และตำรวจท่องเที่ยว จำนวน 9 แห่ง เช่น บริษัท ไฟว์สตาร์ ซีคราซเซส จำกัด เลขที่ 23/107 ม.2 ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต บริษัท อะเมชซิ่ง ไบค์ ทัวร์ส จำกัด เลขที่ 32/4 ม.3 ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต บริษัท โจลลี่ โรเจอร์ จำกัด เลขที่ 46/21 ม.9 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต บริษัท ไดฟ มารีน จำกัด เลขที่ 33/48 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต เป็นต้น

จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารมาแสดงครบถ้วนชัดเจน เช่น ไม่ปิดป้ายอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เอกสารการถือหุ้น และเอกสารที่เกี่ยวข้องเกี่ยวต่อการจดทะเบียนอื่นๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจ และให้นำเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทมาแสดงภายใน 5 วัน หากเลยกำหนดยังไม่มีการจัดส่งเอกสารมาแสดง ครั้งแรกจะมีการปรับเป็นเงิน จำนวน 4,000 บาท แต่ถ้าเกิน 2 ครั้งแสดงว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ในการจัดตั้งบริษัทฯ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

นายสันติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวที่ทำให้มีธุรกิจอำพราง หรือนอมินี โดยร่วมกับดีเอสไอ ภาค 8 กรมการท่องเที่ยว สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้เขต 2 ภูเก็ต กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และตำรวจท่องเที่ยว ออกตรวจบริษัทนำเที่ยวที่มีบริษัทต่างชาติถือหุ้นในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 9 แห่ง การตรวจสอบจะเน้นเรื่องการจดทะเบียนที่ส่อเป็นธุรกิจนอมินีอย่างจริงจัง และเน้นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทนำเที่ยว และมัคคุเทศก์

ผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ได้รับเอกสารต่างๆ ที่ครบถ้วน เนื่องจากการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่มีการเปิดเผย หรือนัดหมายกับเจ้าของบริษัทแต่อย่างใด คาดว่าเอกสารหลักฐานต่างๆ ทางบริษัทคงส่งตามมาเพื่อเป็นการพิจารณาในการดำเนินการต่อไป ถ้าสืบสวนสอบสวนแล้วมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกิจอำพรางก็จะแจ้งให้สรรพากร ดีเอสไอ และ ปปง.เข้าดำเนินการต่อไป

โดยในส่วนของบริษัทที่เอกสารต่างๆ ยังไม่ครบถ้วน เราได้กำหนดเวลาในการส่งออกสารเข้ามาแสดงอย่างช้าภายใน 5 วัน ถ้ายังไม่ส่ง ครั้งแรกปรับ 4,000 บาท และหาก 2 ครั้งยังไม่มีเอกสารมาแสดงเพิ่มเติม แสดงว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ก็จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีหลายบริษัทที่มีทั้งพนักงานขายเป็นผู้ร่วมถือหุ้น ด้วย ส่อเจตนาว่าเป็นธุรกิจอำพรางแน่นอน



 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น