ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กระทรวงพลังงาน ลงภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือแหล่งก๊าซเจดีเอ พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ปิดซ่อมประจำปี ระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค. ประกาศมั่นใจในพื้นที่ภาคใต้ไม่มีปัญหาไฟฟ้าดับแน่นอน เพราะมีการเตรียมแผนสำรองไว้รับมือแล้ว
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ร้านทุ่งคากาแฟ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายภานุมาศ ลิ้มสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 2 ภาคใต้ ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเตรียมความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต กรณีทางกระทรวงพลังงาน เตรียมปิดแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ 18) เพื่อซ่อมบำรุงประจำปี ในระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค. นี้ ซึ่งการปิดซ่อมดังกล่าวจะทำให้ก๊าซธรรมชาติหายไปจากระบบประมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะ 2 จ.สงขลา ที่มีกำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ ต้องหยุดเดินเครื่อง เพราะไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนได้ โดยมี นายพัลลภ สิงหเสนี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนถิ่น และภาคเอกชนเข้าร่วม
นายทวารัฐ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์การเตรียมความพร้อม และการรับมือของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญกรณีมีการปิดซ่อมประจำปี แหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ 18) ในระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค.นี้ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันความเสี่ยงไฟฟ้าดับ โดยการรณรงค์ให้มีการลดการใช้ไฟฟ้าด้วยหลัก 3 ป. คือ ป.ปิด ปิดไฟทุกดวงที่ไม่ใช้ ป.ปรับ คือ การปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม และ ป.ปลด คือ การถอนปลั๊กไฟเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้ออกทุกครั้ง ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การปิดซ่อมแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ 18) มั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้ เพราะมีการเตรียมความพร้อมในการรับมืออยู่แล้ว และจากการปิดซ่อมเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ไม่พบว่ามีปัญหาเรื่องของไฟฟ้าดับแต่อย่างใด และในปีนี้ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือ โดยการประสานไปยังโรงไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ ทั้งโรงไฟฟ้าขนอม เขื่อนรัชชประภา บางลา กระบี่ และโรงไฟฟ้าสงขลา 1 ให้เดินเครื่องพร้อมกันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าสงขลา 1 นั้น เปลี่ยนจากการใช้ก๊าซมาเป็นการใช้น้ำมันดีเซลแทน ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามความต้องการใช้ไฟฟ้า นอกจากนั้น ยังมีโครงการซื้อผลประหยัดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้มีสถานประกอบการใหญ่แจ้งความจำนงที่จะขายผลประหยัดให้แก่ทางกระทรวงพลังงานแล้ว ซึ่งการซื้อผลประหยัดคือ การสนับสนุนเงินอุดหนุนคืนให้แก่ทางผู้ประกอบการที่สามารถประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีการหยุดซ่อมได้ ซึ่งจะทำให้เกิดผลประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 43 เมกะวัตต์
นายทวารัฐ ยังกล่าวต่อไปว่า ในช่วง 5 วันที่มีการปิดซ่อม มั่นใจว่าไม่มีปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับเพราะสาเหตุการปิดซ่อมแน่นอน แต่ช่วงดังกล่าวอาจจะมีกระแสไฟฟ้าดับ หรือตกมาจากสาเหตุฝนตกหนัก ลมแรงได้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงมรสุมมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง เพราะอาจจะมีต้นไม้โค่นล้มทับสายไฟฟ้าได้ เพราะการเตรียมความพร้อมในการรับมือนั้นมั่นใจว่า ในปีนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะกำลังผลิตไฟฟ้าในภาคใต้เมื่อรวมกับการส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งเชื่อมโยงภาคกลางถึงภาคใต้ จะเหลือประมาณ 2,828 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงเวลา 18.30 -22.30 น. ที่มีประมาณ 2,350 เมกะวัตต์ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสนับสนุนกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติเพื่อประสานงานกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้า และสั่งการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ให้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้แล้ว
ส่วนกรณี ก๊าซ LPG ที่เคยมีปัญหาขาดแคลนเมื่อปีที่ที่แล้วที่มีการปิดซ่อมแหล่งก๊าซ ครั้งนี้ทางกระทรวงพลังงานได้เตรียมแผนในการรับมือไว้แล้ว โดยการดูดก๊าซมาเก็บไว้ในท่อเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วง 5 วันที่มีการปิดซ่อม คิดว่าปีนี้ไม่มีปัญหาขาดแคลนก๊าซ LPG แน่นอน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ร้านทุ่งคากาแฟ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน นายภานุมาศ ลิ้มสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 2 ภาคใต้ ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเตรียมความพร้อมของจังหวัดภูเก็ต กรณีทางกระทรวงพลังงาน เตรียมปิดแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ 18) เพื่อซ่อมบำรุงประจำปี ในระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค. นี้ ซึ่งการปิดซ่อมดังกล่าวจะทำให้ก๊าซธรรมชาติหายไปจากระบบประมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะ 2 จ.สงขลา ที่มีกำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ ต้องหยุดเดินเครื่อง เพราะไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นทดแทนได้ โดยมี นายพัลลภ สิงหเสนี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนถิ่น และภาคเอกชนเข้าร่วม
นายทวารัฐ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้เพื่อประชาสัมพันธ์การเตรียมความพร้อม และการรับมือของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญกรณีมีการปิดซ่อมประจำปี แหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ 18) ในระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค.นี้ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันความเสี่ยงไฟฟ้าดับ โดยการรณรงค์ให้มีการลดการใช้ไฟฟ้าด้วยหลัก 3 ป. คือ ป.ปิด ปิดไฟทุกดวงที่ไม่ใช้ ป.ปรับ คือ การปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม และ ป.ปลด คือ การถอนปลั๊กไฟเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้ออกทุกครั้ง ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม การปิดซ่อมแหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ 18) มั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของภาคใต้ เพราะมีการเตรียมความพร้อมในการรับมืออยู่แล้ว และจากการปิดซ่อมเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ไม่พบว่ามีปัญหาเรื่องของไฟฟ้าดับแต่อย่างใด และในปีนี้ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือ โดยการประสานไปยังโรงไฟฟ้าในพื้นที่ต่างๆ ทั้งโรงไฟฟ้าขนอม เขื่อนรัชชประภา บางลา กระบี่ และโรงไฟฟ้าสงขลา 1 ให้เดินเครื่องพร้อมกันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนของโรงไฟฟ้าสงขลา 1 นั้น เปลี่ยนจากการใช้ก๊าซมาเป็นการใช้น้ำมันดีเซลแทน ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ตามความต้องการใช้ไฟฟ้า นอกจากนั้น ยังมีโครงการซื้อผลประหยัดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้มีสถานประกอบการใหญ่แจ้งความจำนงที่จะขายผลประหยัดให้แก่ทางกระทรวงพลังงานแล้ว ซึ่งการซื้อผลประหยัดคือ การสนับสนุนเงินอุดหนุนคืนให้แก่ทางผู้ประกอบการที่สามารถประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีการหยุดซ่อมได้ ซึ่งจะทำให้เกิดผลประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 43 เมกะวัตต์
นายทวารัฐ ยังกล่าวต่อไปว่า ในช่วง 5 วันที่มีการปิดซ่อม มั่นใจว่าไม่มีปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับเพราะสาเหตุการปิดซ่อมแน่นอน แต่ช่วงดังกล่าวอาจจะมีกระแสไฟฟ้าดับ หรือตกมาจากสาเหตุฝนตกหนัก ลมแรงได้ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงมรสุมมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง เพราะอาจจะมีต้นไม้โค่นล้มทับสายไฟฟ้าได้ เพราะการเตรียมความพร้อมในการรับมือนั้นมั่นใจว่า ในปีนี้ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะกำลังผลิตไฟฟ้าในภาคใต้เมื่อรวมกับการส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งเชื่อมโยงภาคกลางถึงภาคใต้ จะเหลือประมาณ 2,828 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงเวลา 18.30 -22.30 น. ที่มีประมาณ 2,350 เมกะวัตต์ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือสนับสนุนกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติเพื่อประสานงานกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่ทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การใช้ไฟฟ้า และสั่งการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ให้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้แล้ว
ส่วนกรณี ก๊าซ LPG ที่เคยมีปัญหาขาดแคลนเมื่อปีที่ที่แล้วที่มีการปิดซ่อมแหล่งก๊าซ ครั้งนี้ทางกระทรวงพลังงานได้เตรียมแผนในการรับมือไว้แล้ว โดยการดูดก๊าซมาเก็บไว้ในท่อเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วง 5 วันที่มีการปิดซ่อม คิดว่าปีนี้ไม่มีปัญหาขาดแคลนก๊าซ LPG แน่นอน