ศรีสะเกษ - พายุฝนลูกเห็บถล่มกันทรลักษ์ วัด บ้านเรือน โรงเรียน พังยับ 120 หลังคาเรือน ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษสั่งเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือด่วน ล่าสุดฝนยังคงตกต่อเนื่อง กระแสไฟฟ้าดับ ด้าน ผอ.สพป.เขต 4 รุดตรวจสอบ เผยโรงเรียน 2 แห่งได้รับความเสียหายหนัก ต้องสั่งปิดเรียน 2 วันเพื่อเร่งซ่อมอาคารเรียนให้ใช้ได้ตามปกติ
วันนี้ (3 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนบ้านโคกวิทยา ต.ตระกาจ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายธีรวุฒิ พุทธการี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (ผอ.สพป.) ศรีสะเกษ เขต 4 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนแห่งนี้ เนื่องจากอาคารของโรงเรียนได้ถูกพายุฝนและลูกเห็บพัดถล่มเมื่อช่วงกลางคืนที่ผ่านมา (2 มิ.ย.) จากการตรวจสอบพบว่าหลังคาสังกะสีของโรงเรียนถูกลมพายุพัดปลิวลงมากองอยู่กับพื้นสนามหน้าโรงเรียน เสาไฟฟ้าแรงต่ำถนนหน้าโรงเรียนหักโค่นลงมาทับรั้วของโรงเรียน และต้นไม้หักโค่นทับถังเก็บน้ำของโรงเรียน
ส่วนอุปกรณ์การเรียนการสอนถูกน้ำฝนได้รับความเสียหาย ครู นักเรียนต้องพากันนำเอาสมุดหนังสือออกมากองตากแดดหน้าโรงเรียนเพื่อให้หนังสือและอุปกรณ์การเรียนการสอนแห้งจะได้สามารถนำเอามาใช้งานต่อไป
ขณะเดียวกัน นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งการให้อำเภอกันทรลักษ์เร่งสำรวจความเสียหายและช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนโดยด่วน ซึ่งผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่า วัด บ้านเรือน และโรงเรียน ในเขต 3 ตำบลของ อ.กันทรลักษ์ คือ ต.ภูเงิน ต.ตระกาจ และ ต.จานใหญ่ ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 120 หลังคาเรือน
ล่าสุดขณะนี้ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้การได้ เจ้าหน้าที่ไฟฟ้ากำลังเร่งดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขอย่างเร่งด่วน
นายธีรวุฒิ พุทธการี ผอ.สพป.ศรีสะเกษ เขต 4 กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีโรงเรียนในสังกัดถูกลมพายุพัดเสียหายจำนวนทั้งสิ้น 2 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านโคกวิทยา และโรงเรียนบ้านทุ่งกอกหนองเกาะ อ.กันทรลักษ์ ได้รับความเสียหายหนัก เนื่องจากหลังคาอาคารเรียนถูกลมพัดสังกะสีปลิวหายไป และต้นไม้โค่นล้มทับโรงเรียน ทำให้อาคารเรียนและอุปกรณ์การเรียนการสอนถูกน้ำฝนได้รับความเสียหาย ทางโรงเรียนได้สั่งปิดการเรียนการสอน 2 วันเพื่อทำการซ่อมแซมอาคารเรียนและอาคารประกอบ
ตนได้สั่งการให้ผู้บริหารโรงเรียนเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายและเร่งประมาณการของบประมาณซ่อมแซมอาคารแล้ว เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณมาทำการซ่อมแซมอาคารเรียนให้สามารถใช้การได้ตามปกติอย่างเร่งด่วนต่อไป
อีกทั้งได้สั่งกำชับให้ผู้บริหารโรงเรียนให้เฝ้าระมัดระวังสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อครู นักเรียนอย่างเข้มงวด หากเห็นว่าอาคารเรียนที่ได้รับความเสียหายจากวาตภัยครั้งนี้ไม่สามารถซ่อมแซมให้สามารถใช้การได้ดังเดิม ขอให้ดำเนินการขอรื้อถอนตามระเบียบของทางราชการ เพื่อจะได้จัดเสนอของบประมาณมาทำการจัดสร้างทดแทนใหม่ต่อไป