กระบี่ - กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง จ.กระบี่ ผวาหนักหลังมีการขู่ฆ่า บุกศูนย์ดำรงธรรม ทวงถามความคืบหน้าการอนุญาตเปิดเหมือง สร้างโรงโม่หินในพื้นที่
วันนี้ (15 ก.ค.) กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง นำโดย นายอาคม ขวัญเรือน พร้อมสมาชิกประมาณ 15 คน ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่ทางกลุ่มได้ยื่นคัดค้านการอนุญาตเปิดเหมือง และร้องขอให้เพิกถอนประทานบัตร ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงโม่หินตรังภูทอง และเพิกถอนแหล่งหินอุตสาหกรรม หมู่ที่ 2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เพื่อปกป้องแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อระบบนิเวศ และแหล่งโบราณคดี หลังจากชาวบ้านค้นพบภาพเขียนสีโบราณบริเวณแหล่งหินที่มีการขออนุญาตสัมปทาน
อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางไปทวงถามข้อร้องเรียนในครั้งนี้ นายธีระ ชูเชิด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เชิญตัวแทนกลุ่มเข้าห้องประชุม เพื่อสอบถามถึงความต้องการ โดยมีการพูดคุยกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ทางกลุ่มอนุรักรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง มีความเป็นกังวล อยู่ 2 ประเด็น คือ 1.ต้องการทราบความคืบหน้าของการอนุญาตเปิดเหมือง และให้เพิกถอนประทานบัตร ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงโม่หินตรังภูทอง 2.สงสัยกรณีที่ได้มีบริษัทอ่าวลึกศิลาทอง ได้ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการโรงโม่หินในพื้นที่ด้วย
นายธีระ กล่าวว่า สำหรับประเด็นข้อสงสัยของกลุ่มทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง ที่ต้องการทราบนั้น ในเบื้องต้น ทางศูนย์ดำรงธรรมฯ ได้มีการนัดหมายไปยังอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงให้มาตอบข้อสงสัย ซึ่งได้มีการนัดหมายกันในวันที่ 17 กรกฎาคม 58 นี้ สำหรับการเปิดเหมือง และตั้งโรงโม่หิน ทราบว่า ยังไม่ได้มีการอนุญาต ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งทางกลุ่มฯ พอใจได้แยกย้ายกันกลับ และจะมาฟังคำตอบอีกครั้งตามวันเวลาที่ได้นัดหมายกัน
นายอาคม กล่าวว่า สำหรับกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง ได้มีการคัดค้านการเปิดสัมปทานเหมืองหิน มาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2553 จนถึงขณะนี้ร่วม 5 ปีเศษ หลังจากพบว่า บริเวณดังกล่าวมีการค้นพบภาพเขียนสีโบราณอายุหลายพันปี ที่สำคัญพบว่าการขออนุญาตเปิดเหมืองไม่ถูกต้อง และยังทราบว่า ได้มีบริษัทฯ โรงโม่หิน มาขอตั้งด้วย ทำให้ชาวบ้านเป็นกังวลมากขึ้น เกรงว่าหน่วยงานของรัฐจะแอบอนุญาตให้มีการเปิดเหมืองไปแล้ว และตอนนี้ทางกลุ่มถูกคุกคามอย่างหนัก มีการขู่ฆ่า ทำให้ตน และสมาชิกเริ่มไม่ปลอดภัย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเข้ามาสอดส่องดูแลความปลอดภัยด้วย
วันนี้ (15 ก.ค.) กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง นำโดย นายอาคม ขวัญเรือน พร้อมสมาชิกประมาณ 15 คน ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่ทางกลุ่มได้ยื่นคัดค้านการอนุญาตเปิดเหมือง และร้องขอให้เพิกถอนประทานบัตร ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงโม่หินตรังภูทอง และเพิกถอนแหล่งหินอุตสาหกรรม หมู่ที่ 2 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เพื่อปกป้องแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดต่อระบบนิเวศ และแหล่งโบราณคดี หลังจากชาวบ้านค้นพบภาพเขียนสีโบราณบริเวณแหล่งหินที่มีการขออนุญาตสัมปทาน
อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางไปทวงถามข้อร้องเรียนในครั้งนี้ นายธีระ ชูเชิด หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เชิญตัวแทนกลุ่มเข้าห้องประชุม เพื่อสอบถามถึงความต้องการ โดยมีการพูดคุยกันนานประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ทางกลุ่มอนุรักรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง มีความเป็นกังวล อยู่ 2 ประเด็น คือ 1.ต้องการทราบความคืบหน้าของการอนุญาตเปิดเหมือง และให้เพิกถอนประทานบัตร ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงโม่หินตรังภูทอง 2.สงสัยกรณีที่ได้มีบริษัทอ่าวลึกศิลาทอง ได้ยื่นขออนุญาตประกอบกิจการโรงโม่หินในพื้นที่ด้วย
นายธีระ กล่าวว่า สำหรับประเด็นข้อสงสัยของกลุ่มทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง ที่ต้องการทราบนั้น ในเบื้องต้น ทางศูนย์ดำรงธรรมฯ ได้มีการนัดหมายไปยังอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงให้มาตอบข้อสงสัย ซึ่งได้มีการนัดหมายกันในวันที่ 17 กรกฎาคม 58 นี้ สำหรับการเปิดเหมือง และตั้งโรงโม่หิน ทราบว่า ยังไม่ได้มีการอนุญาต ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งทางกลุ่มฯ พอใจได้แยกย้ายกันกลับ และจะมาฟังคำตอบอีกครั้งตามวันเวลาที่ได้นัดหมายกัน
นายอาคม กล่าวว่า สำหรับกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบ้านกลาง ได้มีการคัดค้านการเปิดสัมปทานเหมืองหิน มาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2553 จนถึงขณะนี้ร่วม 5 ปีเศษ หลังจากพบว่า บริเวณดังกล่าวมีการค้นพบภาพเขียนสีโบราณอายุหลายพันปี ที่สำคัญพบว่าการขออนุญาตเปิดเหมืองไม่ถูกต้อง และยังทราบว่า ได้มีบริษัทฯ โรงโม่หิน มาขอตั้งด้วย ทำให้ชาวบ้านเป็นกังวลมากขึ้น เกรงว่าหน่วยงานของรัฐจะแอบอนุญาตให้มีการเปิดเหมืองไปแล้ว และตอนนี้ทางกลุ่มถูกคุกคามอย่างหนัก มีการขู่ฆ่า ทำให้ตน และสมาชิกเริ่มไม่ปลอดภัย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเข้ามาสอดส่องดูแลความปลอดภัยด้วย