ตรัง - ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ตรัง นำทีมจัดกิจกรรมวันทะเลโลก เพื่อปกป้องคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นสมบัติอันมีค่ายิ่งให้คงอยู่ต่อไป ด้วยการเก็บขยะชายหาด ปล่อยกุ้งแชบ๊วย ปล่อยลูกเต่าตนุ ปล่อยปูม้า และปลูกหญ้าทะเลเพื่อพะยูน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน
วันนี้ (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จังหวัดตรัง นายนิพันธ์ ศิริธร ปลัดจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายประจวบ โมฆรัตน์ ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จังหวัดตรัง เป็นประธานและร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมวันทะเลโลก ประจำปี 2558 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ช้าราชการ ประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมการท่องเที่ยว และโรงแรมจังหวัดตรัง กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ชมรมประมงพื้นบ้าน นักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน
นายประจวบ กล่าวว่า ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 ได้จัดให้มีกิจกรรมขึ้นเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้ประชาชนทุกภาคฝ่ายหันมาให้ความสนใจร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเล ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดจัดงานภายใต้สโลแกน “ทะเลสวยสะอาด โลกสวยสดใส” (Healthy Oceans Healthy Planet) ด้วยการระดมกลุ่มพลังมวลชน และเครือข่ายภาคี รวมทั้งองค์กรที่ทำงานด้านทะเลอย่างต่อเนื่องมาร่วมบูรณาการกัน
สำหรับกิจกรรมมีทั้งการจัดนิทรรศการให้ความรู้ การแสดง การรณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกทางด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง รวมถึงกิจกรรมเพื่อทำความสะอาดเก็บขยะชายหาด กิจกรรมปล่อยกุ้งแชบ๊วย 1,000,000 ตัว ปล่อยลูกเต่าตนุ 9 ตัว ปล่อยปูม้า 20,000 ตัว และกิจกรรมปลูกหญ้าทะเลเพื่อพะยูน 20,000 ต้น
นายพิพันธ์ กล่าวว่า ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดจนป่าชายเลน เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีคุณค่าทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง ในอดีตที่ผ่านมา ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก เช่น การบุกรุกครอบครองป่าชายเลน การจับสัตว์น้ำอย่างไร้ขีดจำกัด ประกอบกับสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลง เช่น น้ำเน่าเสีย และมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่งทะเล จนส่งผลกระทบต่อประชาชน และประเทศชาติทั้งทางตรง และอ้อมเป็นอย่างมาก
ดังนั้น การจัดกิจรรมในวันทะเลโลกของจังหวัดตรังในครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือจากทุกฝ่าย เสมือนเป็นกลไกที่สำคัญในการปกป้องคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งเป็นสมบัติอันมีค่ายิ่งให้คงอยู่ต่อไป และเพื่อจะได้ก่อประโยชน์แก่ประชาชนคนรุ่นหน้าซึ่งเป็นอนาคตของชาติสืบไป