ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวไทยใหม่ราไวย์ จ.ภูเก็ต กว่า 200 คน ร้องขอความเป็นได้รับความเดือดร้อนจากการปกป้องพื้นที่สาธารณะ เผยมีกลุ่มชายฉกรรจ์นำแท่งปูนไปปิดกั้นบริเวณทางสาธารณะที่กลุ่มชาวเลราไวย์เคยใช้มากกว่า 100 ปี
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มชาวไทยใหม่ (ชาวเล) ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก จำนวนกว่า 200 คน นำโดย นายสนิท แซ่ซั่ว เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกรณีได้รับความเดือดร้อนจากการปกป้องพื้นที่สาธารณะ โดยอ้างว่า ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์นำแท่งปูนไปปิดกั้นบริเวณเส้นทางสาธารณะที่กลุ่มชาวเลราไวย์เคยใช้มากกว่า 100 ปี เพื่อไปประกอบอาชีพ และไปพื้นที่ประกอบพิธีกรรม (บาลัย) ซึ่งที่ผ่านมา เคยมายื่นเรื่องไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่า เมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งนำแท่งปูนขนาดใหญ่มาปิดกั้นเส้นทางสาธารณะดังกล่าวอีก และได้มีการยิงปืนข่มขู่ไม่ให้มีการเข้าไปขัดขวางด้วย โดยมี นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต น.อ.บวร พรมแก้วงาม รอง ผอ.กอ.รมน.จ.ภูเก็ต นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายอุทัย ทาบทอง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองภูเก็ต นางพิมพร ขอศานติพิชัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องไว้
นายสนิท แซ่ซั่ว ตัวแทนชาวเลราไวย์ กล่าวว่า ด้วยในวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา เอกชนได้นำทีมงาน และกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาในพื้นที่เพื่อปิดทางสาธารณะที่ชาวเลเคยใช้มากกว่า 100 ปี เพื่อประกอบอาชีพประมง และเดินทางไปยังพื้นที่ประกอบพิธีกรรม (บาลัย) จึงได้รวมตัวกันเพื่อออกมาปกป้องพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้ จึงเกิดการกระทบกระทั่ง และมีการข่มขู่แกนนำชุมชน จึงได้มายื่นเรื่องไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยขอให้มีการตรวจสอบพื้นที่สาธารณะชายหาดราไวย์ และพื้นที่ประกอบพิธีกรรม ตามมติ ครม.2 มิ.ย.2553 เรื่องการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล รวมทั้งขอให้ทางทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยแกนนำชุมชน และคุ้มครองพื้นที่เป็นการชั่วคราว
“แต่ปรากฏว่า เมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คน ได้นำแท่งปูนขนาดใหญ่มาปิดทางเข้าออกพื้นที่สาธารณะดังกล่าว และมีการยิงปืนข่มขู่ชาวบ้าน โดยบอกว่าห้ามเข้ามายุ่งใครเข้ามาจะยิง ทางชาวบ้านเกิดความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย จึงรวมตัวกันมายังจังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง เพื่อให้มีการจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัยให้แก่ชาวบ้าน และตรวจสอบแนวเขตชายหาดให้ชัดเจน ทั้งนี้ จะมาขอคำตอบที่ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 30 มิถุนายนนี้” นายสนิท กล่าว
นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางผู้ว่าฯ ได้สั่งการให้นายอำเภอเมืองภูเก็ต จัดกำลังเจ้าหน้าลงไปในพื้นที่แล้ว และจากข้อเรียกร้องของชาวเล เรื่องแรกที่สามารถสั่งการดำเนินการได้ทันที คือ ให้นายอำเภอเมืองภูเก็ต (นายสุพจน์ ชนะกิจ) ส่งกำลัง อส. และ ผกก.สภ.ฉลอง ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้แก่ชาวบ้าน โดยจะสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง พร้อมกันนี้ จะได้ประสานไปยังทัพเรือภาคที่ 3 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเรือไปช่วยอีกส่วนหนึ่งด้วย กรณีข้อเรียกร้องการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธินั้นคงต้องใช้เวลา เพราะจะต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียด และทุกแง่มุม ซึ่งเรื่องนี้มีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมชนระดับอำเภอ และจังหวัดดูแลอยู่แล้ว จากนี้ก็จะเร่งให้มีการประชุมโดยเร็วที่สุด
หลังจากได้รับคำชี้แจงแล้วชาวบ้านก็ได้แยกย้ายกันกลับ และระบุว่า หากกลับไปที่หมู่บ้านแล้วทางส่วนราชการยังไม่ดำเนินการตามที่รับปากไว้ โดยเฉพาะกรณีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัย และความคืบหน้ากรณีแท่นปูน ในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) จะเดินทางมายังศาลากลางอีกครั้ง และครั้งนี้จะปักหลักจนกว่าจะมีความชัดเจน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มชาวไทยใหม่ (ชาวเล) ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก จำนวนกว่า 200 คน นำโดย นายสนิท แซ่ซั่ว เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกรณีได้รับความเดือดร้อนจากการปกป้องพื้นที่สาธารณะ โดยอ้างว่า ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์นำแท่งปูนไปปิดกั้นบริเวณเส้นทางสาธารณะที่กลุ่มชาวเลราไวย์เคยใช้มากกว่า 100 ปี เพื่อไปประกอบอาชีพ และไปพื้นที่ประกอบพิธีกรรม (บาลัย) ซึ่งที่ผ่านมา เคยมายื่นเรื่องไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่า เมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งนำแท่งปูนขนาดใหญ่มาปิดกั้นเส้นทางสาธารณะดังกล่าวอีก และได้มีการยิงปืนข่มขู่ไม่ให้มีการเข้าไปขัดขวางด้วย โดยมี นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต น.อ.บวร พรมแก้วงาม รอง ผอ.กอ.รมน.จ.ภูเก็ต นายประพันธ์ ขันธ์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายอุทัย ทาบทอง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองภูเก็ต นางพิมพร ขอศานติพิชัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ภูเก็ต ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องไว้
นายสนิท แซ่ซั่ว ตัวแทนชาวเลราไวย์ กล่าวว่า ด้วยในวันที่ 12 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา เอกชนได้นำทีมงาน และกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาในพื้นที่เพื่อปิดทางสาธารณะที่ชาวเลเคยใช้มากกว่า 100 ปี เพื่อประกอบอาชีพประมง และเดินทางไปยังพื้นที่ประกอบพิธีกรรม (บาลัย) จึงได้รวมตัวกันเพื่อออกมาปกป้องพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้ จึงเกิดการกระทบกระทั่ง และมีการข่มขู่แกนนำชุมชน จึงได้มายื่นเรื่องไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยขอให้มีการตรวจสอบพื้นที่สาธารณะชายหาดราไวย์ และพื้นที่ประกอบพิธีกรรม ตามมติ ครม.2 มิ.ย.2553 เรื่องการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล รวมทั้งขอให้ทางทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยแกนนำชุมชน และคุ้มครองพื้นที่เป็นการชั่วคราว
“แต่ปรากฏว่า เมื่อคืนวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คน ได้นำแท่งปูนขนาดใหญ่มาปิดทางเข้าออกพื้นที่สาธารณะดังกล่าว และมีการยิงปืนข่มขู่ชาวบ้าน โดยบอกว่าห้ามเข้ามายุ่งใครเข้ามาจะยิง ทางชาวบ้านเกิดความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย จึงรวมตัวกันมายังจังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง เพื่อให้มีการจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัยให้แก่ชาวบ้าน และตรวจสอบแนวเขตชายหาดให้ชัดเจน ทั้งนี้ จะมาขอคำตอบที่ชัดเจนอีกครั้งในวันที่ 30 มิถุนายนนี้” นายสนิท กล่าว
นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางผู้ว่าฯ ได้สั่งการให้นายอำเภอเมืองภูเก็ต จัดกำลังเจ้าหน้าลงไปในพื้นที่แล้ว และจากข้อเรียกร้องของชาวเล เรื่องแรกที่สามารถสั่งการดำเนินการได้ทันที คือ ให้นายอำเภอเมืองภูเก็ต (นายสุพจน์ ชนะกิจ) ส่งกำลัง อส. และ ผกก.สภ.ฉลอง ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้แก่ชาวบ้าน โดยจะสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง พร้อมกันนี้ จะได้ประสานไปยังทัพเรือภาคที่ 3 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเรือไปช่วยอีกส่วนหนึ่งด้วย กรณีข้อเรียกร้องการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธินั้นคงต้องใช้เวลา เพราะจะต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียด และทุกแง่มุม ซึ่งเรื่องนี้มีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชุมชนระดับอำเภอ และจังหวัดดูแลอยู่แล้ว จากนี้ก็จะเร่งให้มีการประชุมโดยเร็วที่สุด
หลังจากได้รับคำชี้แจงแล้วชาวบ้านก็ได้แยกย้ายกันกลับ และระบุว่า หากกลับไปที่หมู่บ้านแล้วทางส่วนราชการยังไม่ดำเนินการตามที่รับปากไว้ โดยเฉพาะกรณีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปดูแลความปลอดภัย และความคืบหน้ากรณีแท่นปูน ในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) จะเดินทางมายังศาลากลางอีกครั้ง และครั้งนี้จะปักหลักจนกว่าจะมีความชัดเจน