xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นนองเลือด! “สำนักนายกฯ” จี้ผู้ว่าฯ-ฝ่ายปกครองช่วยชาวเลถูกยึดที่ดินที่ภูเก็ตและพังงา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ขอบคุณภาพจาก Chanjarat B Jono
 
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปธ.กก.แก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล สำนักนายกฯ ลุยแก้ปัญหาชาวมอแกนถูกบุกรุกที่ดินฝั่งอันดามัน ก่อนจะมีการนองเลือดตามมา จี้ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ช่วยชาวบ้านหาดราไวย์ถูกนายทุนไล่รื้อ ขณะที่ จ.พังงา ให้ฝ่ายปกครองเป็นตัวกลางเคลียร์แย่งที่ดินสุสานกับไทยพุทธ
 
ขอบคุณภาพจากชาวเลหาดราไวย์ ภูเก็ต
 
พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกินและพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล สำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ชาวเลหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต ถูกนายทุนเข้ารื้อบ้าน หลังว่า ได้ประสานกับคณะกรรมการรายอื่นเพื่อขอให้สำนักนายกฯ ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ช่วยดูแลในพื้นที่ ระหว่างที่รอเวลาจัดประชุมหาแนวทางแก้ไข เนื่องจากต้องใช้เวลาประสานงานขอสารบบเอกสารที่ดินพื้นที่ที่ถูกรื้อถอน เพื่อให้ทราบว่าอยู่ในบริเวณที่คณะกรรมการฯ ขอเพิกถอน หรือแก้ไขรายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 หรือไม่ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นพื้นที่ดังกล่าวสามารถนำไปฟ้องศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว โดยขณะนี้ทราบจากสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เข้าไกล่เกลี่ยแล้ว
 
พล.อ.สุรินทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีชาวบ้านหาดราไวย์นั้น คนที่ยังไม่ถูกรื้อถอน แน่นอนมีองค์กรท้องถิ่นช่วยดูแลให้ แต่กรณีคนที่ถูกกระทำไปแล้วต้องมีคนเยียวยา รับผิดชอบ ประเด็นนี้สำคัญเพราะชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้มีรายได้มหาศาล กรณีเกิดเหตุการณ์เช่นนี้สร้างความทุกข์แก่ชุมชนเก่าแก่อย่างชาวเลมาก 
 
ขอบคุณภาพจากชาวเลหาดราไวย์ ภูเก็ต
 
ปัญหาที่พบตอนนี้คือ มีทั้งชาวเลราไวย์ที่ภูเก็ต และกรณีชาวเลทุ่งหว้า จ.พังงา ที่มีปัญหาในพื้นที่กรณีขอฝังศพในสุสานไม่ได้ โดยแต่คณะกรรมการจะเอาประเด็นทั้งหมดมาคุยกันในวันประชุมใหญ่ 12 พ.ค.นี้ โดยรวมข้อมูลของชาวเลทุกจังหวัด สำหรับชาวเลราไวย์ มีปัญหาแบบดังกล่าวโดยตลอด หากฝ่ายปกครองเข้มแข็ง และตรวจตราคิดว่าเรื่องคงไม่เกิดเรื่อง แต่กรณีที่ทุ่งหว้ามีเพียง ศพได้รับอนุญาตให้ฝัง แต่ยังเหลือปัญหาระยะยาวอีก ซึ่งปัญหาทั้งหมดต้องการพื้นที่คุยอีกระลอก ผมขอแค่ความร่วมมือฝ่ายปกครองระงับเหตุขัดแย้ง ชะลอการปลูกสร้าง และรื้อถอนก็พอ เรื่องแบบนี้ผู้ว่าฯ น่าจะทำได้ไม่ยาก พล.อ.สุรินทร์กล่าว
 
ทั้งนี้ เหตุการณ์เผชิญหน้าระหว่างชาวเล และคนไทยพุทธทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อมีชาวเลบ้านทุ่งหว้า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา รายหนึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งชาวเลได้เตรียมนำศพมาฝังในสุสานบ้านทุ่งหว้า ที่เป็นสุสานเก่าแก่ และมีเอกสารใบสำคัญที่หลวงยืนยันเนื้อที่ 15 ไร่ แต่ต่อมาหลักเขตถูกทำลายไป ทำให้กำนัน และชาวบ้านไทยพุทธกลุ่มหนึ่งต้องการเอาพื้นที่บางส่วนของสุสานชาวเลมาสร้างที่จอดรถ และเมรุเผาศพ ล่าสุด ได้มีชาวเลเสียชีวิตอีกรายหนึ่ง และเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ชาวเลได้เตรียมนำศพมาฝังยังสุสาน แต่ทางกำนัน และชาวไทยพุทธไม่ยอม เพราะต้องการกันพื้นที่สุสานบางส่วนไปทำประโยชน์ ในที่สุดจึงเกิดการเผชิญหน้ากัน โดยต่างฝ่ายต่างระดมชาวบ้านจะมาปะทะกัน ในที่สุด นายอำเภอตะกั่วป่า จึงเข้ามาเป็นคนกลางห้ามก่อนที่จะเกิดเหตุปะทะ
 
ขอบคุณภาพจากชาวเลหาดราไวย์ ภูเก็ต
 
นายวิทวัส เทพสง ชาวเล จ.พังงา กล่าวว่า เปลว หรือสุสานชาวเลมีเนื้อที่ 15 ไร่ ซึ่งหลังเหตุการณ์สึนามิถล่ม อดีตผู้ว่าฯ พังงา ได้มีคำสั่งให้กันแนวเขตตั้งแต่ปี 2555 โดยบริเวณดังกล่าวมีสำนักสงฆ์ทุ่งกระทิง และต่อมา ได้ยกระดับเป็นวัดขึ้นมา โดยมีกำนัน และชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพยายามเอาพื้นที่เปลวไปสร้างลานจอดรถ บางครั้งผู้ที่มาจอดรถก็ไปยืนฉี่ในบริเวณดังกล่าวกันบ่อยๆ เมื่อชาวเลเห็นก็ไม่สบายใจ เพราะบริเวณดังกล่าวคือ สุสานของบรรพบุรุษและญาติพี่น้องชาวเลที่เสียชีวิต
 
“เมื่อชาวเลจะเอาศพชาวบ้านไปฝัง โดยพ่อหมอได้ชี้พื้นที่ฝัง แต่กำนันและชาวบ้านกลุ่มหนึ่งไม่ยอม แถมมีการระดมมวลชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมีความต้องการเอาพื้นที่บริเวณนี้ ไร่ ไปทำลานจอดรถ ไม่ใช่ทำเมรุ ทำให้เกิดการเผชิญหน้า แม้นายอำเภอมา แต่ไม่ได้พูดตามนโยบายที่สำนักนายกฯ บอก คนไทยพุทธบางส่วนก็บอกว่าต่อไปจะไม่ช่วยเหลือชาวมอแกนแล้ว ส่วนชาวมอแกนก็บอกว่าไม่ลงคะแนนให้กำนันผู้ใหญ่บ้านเหมือนกัน เพราะย่านนี้มีเสียงชาวมอแกนอยู่มาก” นายวิทวัส กล่าว
 
ขอบคุณภาพจากชาวเลหาดราไวย์ ภูเก็ต
 
นายวิทวัส กล่าวว่า ทางออกในเรื่องนี้คือทุกคนควรมาหารือและหาข้อตกลงร่วมกันว่า ที่ดินวัดมีเท่าไหร่กันแน่ และการสร้างเมรุใช้ที่จริงๆ เท่าไหร่ และที่ดินของวัดพอสร้างหรือไม่ แต่ไม่ใช่มาขอพื้นที่เปลว ไร่เลย ถ้ามีที่วัดก็สร้างในบริเวณวัดก่อน ต้องตรวจสอบกันก่อน แต่ไม่ใช่เอาที่ดินเปลวไปสร้างลานจอดรถ เพราะชาวมอแกนไม่ยอม ที่สำคัญคือ ควรมีคนกลางกลางเข้ามาไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายมานั่งคุยกัน อย่าให้เกิดพลังมวลชนปะทะกัน
 
จริงๆ แล้วกรณีสุสานชาวเลเคยมีการเสนอเรื่องให้สำนักนายกฯ พิจารณา โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาประชุม และพยายามพูดคุยเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา ที่ผ่านมาแม้สำนักนายกฯ เคยมีคำสั่งให้กันแนวเขตสุสานชาวเล แต่ทางจังหวัดก็ยังไม่ทำอะไรเลย จนกระทั่งมาเกิดเรื่องครั้งนี้ขึ้น” นายวิทวัส กล่าว
ขอบคุณภาพจาก Chanjarat B Jono
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น