ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนสรุปความคืบหน้าคดีโรฮีนจาทั้งหมดทั้งสำนวนการสอบสวน ผู้ต้องหา และการยึดทรัพย์ เผยมีการข่มขู่พยาน แต่ได้จัดการดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อผู้ต้องหาแล้ว
วันนี้ (16 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเรือโทสมนึก เสียงก้อง รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายเพื่อสรุปความคืบหน้าคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ทั้งสำนวนการสอบสวนการจับกุมผู้ต้องหาและการยึดทรัพย์เครือข่ายค้ามนุษย์
หลังการประชุม พล.ต.อ.เอก เปิดเผยว่า ในส่วนของสำนวนการสอบสวนจะมีการสรุปสำนวนส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาในวันที่ 25 มิถุนายน และจะสั่งฟ้องในวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งศาลจังหวัดนาทวี จะทำหน้าที่ร่างคำฟ้อง และสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนการสอบสวนมีการเรียกสอบพยานในคดีนี้ไปแล้ว 238 คน แต่ขณะนี้พบว่า มีกลุ่มผู้ต้องหาบางส่วนได้ใช้อิทธิพลออกไปข่มขู่พยานไม่ให้มาเป็นพยานในชั้นศาล และชี้ตัวผู้ต้องหา ซึ่งพยานที่ถูกข่มขู่ได้เข้าแจ้งความ และเจ้าหน้าที่รับเรื่องไว้แล้ว 2 คดี และในจำนวนนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาที่ข่มขู่พยานไปแล้ว 3 ราย ซึ่งเป็นลูกน้องของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม นอกจากนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพยานในคดีทุกราย นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะทำงานจากสำนักงานอัยการภาค 9 เข้ามาช่วยในทางคดีที่ศาลจังหวัดนาทวีด้วยเพื่อให้คดีต่อเนื่อง และรวดเร็วยิ่งขึ้น
ส่วนยอดผู้ต้องหาในคดีนี้มีการออกหมายจับไปแล้วทั้งหมด 89 หมายจับ จ.สงขลา 56 หมาย จับแล้ว 35 คน เหลืออีก 21 คน จ.สตูล 18 หมาย จับแล้ว 12 คน เหลือ 6 คน และ จ.ระนอง 15 หมาย จับแล้ว 8 คน เหลืออีก 7 คน รวมผู้ต้องหาที่จับกุมได้แล้วทั้งสิ้น 56 คน และยังหลบหนีอีก33 คน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายจับผู้ต้องหาที่เหลืออีก 33 คน ไปยังกองบังคับการตำรวจทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนครบาลแ ละตำรวจเบาะช่วยหาเบาะแสติดตามจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามติดตามจับกุมให้หมดทุกคน พร้อมกับขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสให้แก่เจ้าหน้าที่
ส่วนการยึดทรัพย์เครือข่ายค้ามนุษย์ ขณะนี้มีการอายัดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท แต่มีบางรายการที่นำไปซุกซ่อนโดยเฉพาะที่เป็นของ นายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ หรือโกโต้ง หัวหน้าเครือข่ายค้ามนุษย์ใน จ.สตูล ซึ่งมีทรัพย์สิน จำนวน 10 รายการที่หายไป เช่น รถเบนซ์ 3 คัน และเรือประมงทะเล 2 ลำ เรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต 3 ลำ เรือประมงทะเลลึก 2 ลำ ซึ่งหากใครนำไปครอบครองก็จะมีความผิดในฐานฟอกเงินด้วย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบโรงแรมมายเซเว่น ของนายบรรจง ปองผล หรือโกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ เครือข่ายค้ามนุษย์ใน ต.ปาดังเบซาร์ พบว่า มีการก่อสร้างในห้วงเวลาที่ได้กระทำความผิดค้ามนุษย์ด้วย ซึ่งได้ส่งเรื่องให้ ปปง.ทำการอายัดไว้แล้วเช่นกัน
ส่วนกรณีของ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก หนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำอำเภอนาทวี นอกจากจะถูกคัดค้านการประกันตัวแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติเหมือนกับผู้ต้องหาคนอื่นๆ ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ หลังจากที่มีกระแสว่าอาจได้รับการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นนายทหารระดับสูง
