สตูล - รอง ผบ.ตร.เชิญผู้ถูกกล่าวหาในคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จำนวน 18 คดี หลัง 1 ในผู้ถูกกล่าวมีส่วนร่วมพัวพันคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา เข้าร่วมพูดคุยถึงปัญหา พร้อมทั้งเชิญฝ่ายปกครอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทะเลบัน และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมพูดคุย ที่ห้องประชุมเฉลิมเกียรติ ตำรวจภูธรจังหวัดสตูล
วันนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เชิญผู้ถูกกล่าวหาในคดีบุกรุกอุทยานฯ แห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จำนวน 18 คดี บนเกาะหลีเป๊ะ โดยได้แบ่งออก 8 เป็นคดี ที่มีนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ เป็นผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ร่วมพัวพันอยู่ด้วย และอีก 10 คดี เป็นการบุกรุกของผู้ประกอบการรีสอร์ต เข้าร่วมพูดคุยถึงปัญหา พร้อมเชิญฝ่ายปกครองนำโดย นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.สตูล ร.ท.สมนึก เสียงก้อง รองอธิบดีกรมอัยการ พ.ต.อ กู้เกียรติ เจริญบุญ อัยการประจำกรมอัยการ พร้อมหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทะเลบัน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมพูดคุยที่ห้องประชุมเฉลิมเกียรติ ตำรวจภูธรจังหวัดสตูล
โดย พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า การพูดคุยในครั้งนี้ได้เชิญรองอธิบดีกรมอัยการสูงสุดมาร่วมสอบสวนร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีค้ามนุษย์ที่ปาดังเบซาร์ และคดีเกี่ยวเนื่องที่ จ.สตูล และ จ.ระนอง โดยในส่วนการพูดคุยในครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
1.ด้านคดีสืบสวนสอบสวนพื้นที่ปาดังเบซาร์ เกี่ยวเนื่องจาก จ.สตูล โดยผู้ว่าฯ ให้ความกรุณาช่วยเหลือกำกับดูแล พนักงานสืบสวนสอบสวน ตร.สตูล พนักงานอัยการจังหวัด ได้มีความคืบหน้าของคดีไปมากเพื่อเร่งรัดจับกุม
2.สตูลมีคดีค้ามนุษย์เกิดขึ้นใน อ.ละงู และอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน โดยทางรองอธิบดีกรมอัยการ ได้มาให้คำแนะนำแนวทางสืบสวนต่อไป
3.คดีเกี่ยวเนื่องค้ามนุษย์ หลายคนถูกกล่าวหาตามกฎหมาย และการบุกรุกพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ ผู้ว่าฯ ก็ได้เข้ามาหารือขอรับทราบแนวทางในการปฏิบัติคดีค้ามนุษย์ และคดีบุกรุก โดยท่านผู้ว่าฯ ได้สั่งไปตรวจสอบ พร้อมให้มีการบูรณาการในการทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบพิสูจน์ทราบถึงการบุกรุกที่ของรัฐว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ประโยชน์หรือไม่ ในการเอา ส.ค.1 ไปออก น.ส.3 ก. แล้วในการออก น.ส.3 ถูกต้องหรือไม่ และขอยืนยันว่า การทำงานทั้งหมดต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบถูกต้อง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะว่าเรื่องการค้ามนุษย์ กับเรื่องการบุกรุกเป็นความผิดมูลฐานเรื่องการฟอกเงินอีกคดีหนึ่ง โดยหลักการทำงานทั้งหมดอยู่ภายใต้หลักธรรมาธิบาล
รอง ผบ.ตร.บอกด้วยว่า การทำงานต้องครอบคลุม ไม่ใช่เอาบางส่วน บางตอน หรือละเว้นในส่วนที่จะดำเนินการเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ถูกครหาเสียเอง โดยขณะนี้ภาพรวมทุกอย่างดำเนินไปต้องใช้เวลา พยานและหลักฐานเพราะมันเกิดขึ้นมานานในการคลี่คลาย ซึ่งวันนี้การเชิญทุกฝ่ายมาจะพบว่าใครรับผิดชอบส่วนไหนก็ไปดูตามกฎหมาย อีกทั้งยังพบว่าผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์เป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่น ผูกพันในพื้นที่ใช้โอกาสในการกระทำความผิด
ส่วนทางคดีค้ามนุษย์นั้น จะมีการรวบรวมสำนวนคดีนำฟ้องส่งอัยการในวันที่ 19 ต้องเลื่อนมาเป็นในวันที่ 25 มิย.นี้ ซึ่งเป็นวันครบกำหนดวันสุดท้าย เพื่อให้ศาลฯ ได้เชื่อว่ามีขบวนการนี้อยู่จริง เพื่อความต้องการเดินทางไปยังประเทศที่ 3 คือ มาเลเซีย ซึ่งบางส่วนจะมีการขอใช้กฎหมายความร่วมมือระหว่างประเทศในการรวบรวมสำนวน และนำส่งให้ศาลได้เห็นต่อไป