พังงา - เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ลงพื้นที่รณรงค์ต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินถึงเกาะปันหยี ชาวบ้านยันร่วมคัดค้านด้วย ชี้ขืนปล่อยให้รัฐเดินหน้าสร้างท่องเที่ยวจบแน่ ด้านหอการค้า จ.พังงา เผยเคยยื่นหนังสือคัดค้านมาแล้ว ระบุนโยบายภาครัฐขัดต่อความต้องการของชาวบ้าน แนะพัฒนาพลังงานสะอาดดีกว่า
วันนี้ (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมแบ็กแพก เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้เดินทางไปที่อ่าวพังงา และหมู่บ้านชาวประมงบนเกาะปันหยี อ.เมือง จ.พังงา เพื่อให้ข้อมูลและรณรงค์คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ โดย จ.พังงา เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินระบุว่า จะเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน
นายอัครเดช ฉากจินดา ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน กล่าวว่า จ.พังงา ถือเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่สร้างรายได้เข้าประเทศจากการท่องเที่ยว การประมง และการเกษตร เป็นจำนวนมูลค่าปีละหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่ระบบนิเวศทางทะเลของ จ.พังงา ซึ่งอยู่ติดกับ จ.กระบี่ หากมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ จะทำให้มลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหินแพร่กระจายมาถึง จ.พังงา อย่างแน่นอน
“นอกจากผลกระทบด้านการท่องเที่ยวแล้ว สัตว์น้ำที่กระจายตัวหากินอยู่ในบริเวณอ่าวพังงามีการอพยพเคลื่อนไหวไปมาในพื้นที่ระหว่าง จ.พังงา กับ จ.กระบี่ เมื่อสัตว์น้ำได้รับผลกระทบก็ย่อมส่งผลกระทบต่อ จ.พังงา และจังหวัดอื่นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น”
ขณะที่ชาวบ้านบนเกาะปันหยี ระบุ ทราบข่าวเรื่องโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่จากข่าวสารทางโทรทัศน์ แต่ไม่เคยมีหน่วยงานไหนลงพื้นที่แจ้งข้อมูลรายละเอียดให้แก่ชาวบ้าน เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินเป็นกลุ่มแรกที่มาเผยแพร่ข้อมูลต่อชาวบ้าน โดยระบุว่า ชาวเกาะปันหยีมีความเป็นห่วงเรื่องผลกระทบจากมลพิษของโรงไฟฟ้าถ่านหิน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้วยการพึ่งพาทรัพยากรทางทะเล การเกษตร และการท่องเที่ยว หากมีโรงไฟฟ้าถ่านหินมาตั้งอยู่ที่ จ.กระบี่ ซึ่งห่างจาก จ.พังงา ไม่ไกล การประกอบอาชีพของชาวบ้านจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
นอกจากนี้ ทางเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้เข้าพบ นายสุทธิโชค ทองชุมนุม ประธานหอการค้า จ.กระบี่ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในการเคลื่อนไหวต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินของเครือข่าย โดย นายสุทธิโชค ระบุว่า จ.พังงา มีฐานเศรษฐกิจที่สำคัญคือ การเกษตร การประมง และการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้พบว่าการท่องเที่ยวของ จ.พังงา กำลังเติบโตไปได้ดีเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ในฝั่งทะเลอันดามัน นโยบายการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของรัฐบาลมีความขัดแย้งต่อทิศทางการพัฒนาของจังหวัดที่รักษาธรรมชาติเอาไว้เพื่อเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวต่อไป
“ขอเรียนตามตรงว่า หอการค้าจังหวัดพังงาไม่เห็นด้วยต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ จ.กระบี่ เพราะมลพิษที่ตามมาจะส่งผลกระทบในทุกๆ ด้าน และคงยากที่จะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิมได้”
ด้าน นายวิทยา วงศ์วิเชียรกุล เลขาธิการหอการค้า จ.พังงา กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าหลายประเทศทั่วโลกมองเห็นพิษภัยของการใช้ถ่านหินหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินไปแล้วถึง 150 โรง ขณะที่ประเทศอื่นก็ได้พัฒนาพลังงานทางเลือกเพื่อทดแทนการใช้พลังงานฟอสซิลที่มีผลกระทบต่อโลก แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดรัฐบาลไทยจึงยังต้องการก่อสร้างโรงฟ้าถ่านหนอีก ทั้งที่มีตัวอย่างให้เห็นจากทั่วโลกว่าเป็นต้นตอของการเกิดสภาวะโลกร้อนและมลพิษอื่นๆ ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง
“เราเคยไปยื่นหนังสือถึงรัฐบาลให้ยกเลิกโครงการนี้ และคงจะต้องมีการเคลื่อนไหวต่อไป เพราะอย่างไรก็ไม้ควรสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในฝั่งอันดามัน เพราะจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่นี้อย่างมหาศาล”