พังงา - เจ้าหน้าที่ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNSCR) เร่งสอบปากคำชาวโรฮีนจาในจังหวัดพังงา พบส่วนใหญ่ต้องการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย ไม่ต้องการเดินทางไประเทศอื่น พร้อมมีเรือโรฮีนจาอีก 6 ลำ กำลังทยอยเดินทางไปมาเลเซีย
วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNSCR) ได้เข้าดำเนินการสัมภาษณ์ชาวโรฮีนจาผู้หญิง และเด็กที่ถูกแยกตัวมาไว้ที่บ้านพักเด็กและสตรี อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ประกอบด้วย ผู้หญิง 3 คน เด็กผู้หญิง 15 คน และเด็กชาย 7 คน ร่วมทั้งสิ้น 25 คน เพื่อจัดทำข้อมูลรายละเอียดว่ามีชาวโรฮีนจาต้องการโยกย้ายถิ่นฐานที่จะไปประเทศอเมริกาหรือไม่ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลดังกล่าวส่งไปให้สถานทูตอเมริกา แต่ปรากฏว่า ชาวโรฮีนจาชุดนี้ไม่มีใครต้องการที่จะไปประเทศอเมริกาเลย ทุกคนต้องการที่จะไปประเทศมาเลเซีย เนื่องจากมีญาติพี่น้องอยู่ที่นั่น
โดยชาวโรฮีนจา ที่พักอยู่ที่บ้านพักเด็กและสตรี ได้เล่าให้ฟังว่า พวกตนเดินทางด้วยเรือมาด้วยกันทั้งหมด 10 ลำ แต่ลำของพวกตนที่มาขึ้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ มีด้วยกัน 2 ลำ คือ ลำที่ 3 และลำที่ 4 ในจำนวน 10 ลำ โดยนายหน้าได้พาพวกตนขึ้นตามเกาะใกล้กับเกาะสุรินทร์ จนทางเจ้าหน้าที่มาพบ
ชาวโรฮีนจา ได้เล่าอีกว่า หลังจากขึ้นบนเกาะที่อยู่ใกล้กับเกาะสุรินทร์แล้ว นายหน้าได้ให้น้ำดื่มไว้ จำนวน 47 ขวด ส่วนอาหารให้ไปหากินกันเอาเองบนเกาะ เพราะนายหน้าทราบข่าวว่า มีการกวาดล้างจับกุมอย่างหนักจึงได้พาพวกตนไปปล่อยทิ้งบนเกาะ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เรือลำที่ 1 มุ่งตรงไปประเทศมาเลเซีย ส่วนลำที่ 2 ถูกเจ้าหน้าที่ของไทยจับกุมได้ที่จังหวัดสตูล เนื่องจากเครื่องยนต์เสีย ประกอบกับอาหารหมด แต่ชาวโรฮีนจาชุดที่อยู่บนเรือลำที่ 2 ไม่ประสงค์จะขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย แต่ต้องการที่จะไปประเทศที่ 3 คือ มาเลเซีย และได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ของไทยช่วยซ่อมเครื่องเรือให้ใช้การได้ และขออาหารไว้สำหรับเดินทางต่อไปมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ของไทยก็ได้จัดการซ่อมเครื่องเรือจนใช้การได้ และนำอาหารมาให้ไว้สำหรับการเดินทางต่อไปมาเลเซียตามที่ชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ต้องการ
ชาวโรฮีนจา ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ยังมีเรือที่ขนชาวโรฮีนจากำลังเดินทางเข้ามาประเทศไทยอีก 6 ลำ กำลังตามมา ซึ่งเรือที่พวกตนโดยสารมานี้ได้ลอยลำอยู่ที่น่านน้ำของประเทศพม่า โดยไม่มีการทิ้งสมอเรือ เพื่อรอให้จำนวนคนเต็มลำเรือ ลอยอยู่อย่างนั้นประมาณ 2 เดือน จนพวกตนรู้สึกว่าเรือมันเคลื่อนออกจากจุดเดิมที่ลอยลำอยู่ ขณะลอยลำพวกตนซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องเรือ ใช้เวลาน่าจะประมาณ 13-14 วันจนเรือเข้ามาสู่น่านน้ำของไทยใกล้กับเกาะสุรินทร์ แต่เนื่องจากเรือที่ขนพวกตนมาเป็นเรือลำใหญ่ จึงจำเป็นต้องจอดลอยลำอยู่น่านน้ำสากล แต่นายหน้าจะใช้เรือลำเล็กไปทยอยขนชาวโรฮีนจามา จากนั้นได้นำพวกตนมาปล่อยที่เกาะเนื่องจากทางการของไทยกำลังกวาดล้างอย่างหนัก ทำให้นายหน้าที่พาพวกตนมาเกิดความกลัว ส่วนอีก 6 ลำ กำลังทยอยตามมา
วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNSCR) ได้เข้าดำเนินการสัมภาษณ์ชาวโรฮีนจาผู้หญิง และเด็กที่ถูกแยกตัวมาไว้ที่บ้านพักเด็กและสตรี อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ประกอบด้วย ผู้หญิง 3 คน เด็กผู้หญิง 15 คน และเด็กชาย 7 คน ร่วมทั้งสิ้น 25 คน เพื่อจัดทำข้อมูลรายละเอียดว่ามีชาวโรฮีนจาต้องการโยกย้ายถิ่นฐานที่จะไปประเทศอเมริกาหรือไม่ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลดังกล่าวส่งไปให้สถานทูตอเมริกา แต่ปรากฏว่า ชาวโรฮีนจาชุดนี้ไม่มีใครต้องการที่จะไปประเทศอเมริกาเลย ทุกคนต้องการที่จะไปประเทศมาเลเซีย เนื่องจากมีญาติพี่น้องอยู่ที่นั่น
โดยชาวโรฮีนจา ที่พักอยู่ที่บ้านพักเด็กและสตรี ได้เล่าให้ฟังว่า พวกตนเดินทางด้วยเรือมาด้วยกันทั้งหมด 10 ลำ แต่ลำของพวกตนที่มาขึ้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ มีด้วยกัน 2 ลำ คือ ลำที่ 3 และลำที่ 4 ในจำนวน 10 ลำ โดยนายหน้าได้พาพวกตนขึ้นตามเกาะใกล้กับเกาะสุรินทร์ จนทางเจ้าหน้าที่มาพบ
ชาวโรฮีนจา ได้เล่าอีกว่า หลังจากขึ้นบนเกาะที่อยู่ใกล้กับเกาะสุรินทร์แล้ว นายหน้าได้ให้น้ำดื่มไว้ จำนวน 47 ขวด ส่วนอาหารให้ไปหากินกันเอาเองบนเกาะ เพราะนายหน้าทราบข่าวว่า มีการกวาดล้างจับกุมอย่างหนักจึงได้พาพวกตนไปปล่อยทิ้งบนเกาะ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า เรือลำที่ 1 มุ่งตรงไปประเทศมาเลเซีย ส่วนลำที่ 2 ถูกเจ้าหน้าที่ของไทยจับกุมได้ที่จังหวัดสตูล เนื่องจากเครื่องยนต์เสีย ประกอบกับอาหารหมด แต่ชาวโรฮีนจาชุดที่อยู่บนเรือลำที่ 2 ไม่ประสงค์จะขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย แต่ต้องการที่จะไปประเทศที่ 3 คือ มาเลเซีย และได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ของไทยช่วยซ่อมเครื่องเรือให้ใช้การได้ และขออาหารไว้สำหรับเดินทางต่อไปมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ของไทยก็ได้จัดการซ่อมเครื่องเรือจนใช้การได้ และนำอาหารมาให้ไว้สำหรับการเดินทางต่อไปมาเลเซียตามที่ชาวโรฮีนจากลุ่มนี้ต้องการ
ชาวโรฮีนจา ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ยังมีเรือที่ขนชาวโรฮีนจากำลังเดินทางเข้ามาประเทศไทยอีก 6 ลำ กำลังตามมา ซึ่งเรือที่พวกตนโดยสารมานี้ได้ลอยลำอยู่ที่น่านน้ำของประเทศพม่า โดยไม่มีการทิ้งสมอเรือ เพื่อรอให้จำนวนคนเต็มลำเรือ ลอยอยู่อย่างนั้นประมาณ 2 เดือน จนพวกตนรู้สึกว่าเรือมันเคลื่อนออกจากจุดเดิมที่ลอยลำอยู่ ขณะลอยลำพวกตนซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องเรือ ใช้เวลาน่าจะประมาณ 13-14 วันจนเรือเข้ามาสู่น่านน้ำของไทยใกล้กับเกาะสุรินทร์ แต่เนื่องจากเรือที่ขนพวกตนมาเป็นเรือลำใหญ่ จึงจำเป็นต้องจอดลอยลำอยู่น่านน้ำสากล แต่นายหน้าจะใช้เรือลำเล็กไปทยอยขนชาวโรฮีนจามา จากนั้นได้นำพวกตนมาปล่อยที่เกาะเนื่องจากทางการของไทยกำลังกวาดล้างอย่างหนัก ทำให้นายหน้าที่พาพวกตนมาเกิดความกลัว ส่วนอีก 6 ลำ กำลังทยอยตามมา