ยะลา - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวกรณีเจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี พบประวัติมีหมายจับ ป.วิอาญา 2 หมายจับ เอี่ยวคดียิงทหารเสียชีวิต 4 นาย พื้นที่ อ.มายอ ขณะเดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจ
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องแถลงข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมายในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ตำบลปะโด อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี
ผลจากการปฏิบัติผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 1 ราย คือ นายนิอิดือเระ เจะแห อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/17 หมู่ที่ 5 ตำบลลูโบะยีไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี ควบคุมตัวได้ 2 ราย ประกอบด้วย นายอาชิ ดาโอง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/4 หมู่ที่ 5 ตำบลลูโบะยีไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี และนายมูซอ แมรีวา เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และตรวจยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
โดยเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ประกอบด้วย ร.ต.อ.วิเชษ แห้วขุดทด อายุ 43 ปี สังกัด บก.ตชด.44 ถูกยิงบริเวณต้นแขนซ้ายกระสุนฝังใน ทำให้กระดูกแตก ร.ท.นพพร มาระวิชัย อายุ 45 ปี สังกัด บก.ควบคุม 4 ถูกยิงบริเวณแขนขวา กระสุนฝังใน และ อส.ทพ.อำนวย ชูวงษ์ อายุ 30 ปี สังกัดร้อย ทพ.4309 ฉก.ทพ.43 ถูกยิงบริเวณหัวเข่าซ้ายทะลุ นำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ปัจจุบันอาการปลอดภัย
“จากการตรวจสอบในขั้นต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการ เกี่ยวข้องต่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่หลายครั้ง เช่น เหตุโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 4 นาย ในพื้นที่อำเภอมายอ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2555 และเหตุลอบวางเพลิงพร้อมกัน 6 โรงเรียน ในพื้นที่ อำเภอทุ่งยางแดง และอำเภอมายอ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2557 สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมตัวพบว่า เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญา 2 หมาย มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์เดียวกับผู้ที่เสียชีวิต รวมทั้งเหตุปล้นเงินธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส อำเภอมายอ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2556
สำหรับ นายมูซอ แมรีวา เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ และให้แหล่งพักพิง จะทำการตรวจสอบความเชื่อมโยงต่อไป ส่วนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้เป็นการขยายผลเข้าติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ตามขั้นตอนของกฎหมาย ด้วยการเชิญ นายมูฮำหมัดอาดัม สามะ โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดดารุลนาฮิม และนายรอหะ ตีโด ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ช่วยเจราจาเกลี้ยกล่อมให้ออกมามอบตัว และร่วมสังเกตการณ์ปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในทุกขั้นตอน โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง และในขณะที่นำผู้ต้องหาเข้าทำการตรวจค้นเพิ่มเติม และชี้จุดอาวุธปืนของกลางภายในบ้าน เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของประกอบการดำเนินการด้านกฎหมาย บุคคลดังกล่าวได้หยิบอาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บทันที 3 นาย จึงมีความจำเป็นต้องหยุดยั้งเหตุการณ์ด้วยการยิงเพื่อป้องกันตัวออกไป 2 นัด จนนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า ทางท่าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รับทราบเหตุการณ์ในเบื้องต้นแล้ว โดยได้กำชับให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เร่งสร้างความเข้าใจให้ทราบถึงเหตุผล และความจำเป็นในการปฏิบัติ โดยมีผู้นำศาสนา และผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน พร้อมกับให้ดูแลเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บให้ดีที่สุด
ในการนี้ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยเข้าไปสร้างความเข้าใจต่อครอบครัว และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้าไปฉกฉวยโอกาส และบิดเบือนข้อเท็จจริงเหมือนหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่ถูกควบคุมตัวให้ใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยความเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน และทำลายความเชื่อมั่นในระบอบอำนาจรัฐ