ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจน้ำภูเก็ต พร้อมให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเมื่อเกิดภัยพิบัติทางทะเล ด้านผู้ว่าฯ จัดงบจังหวัด 25 ล้านบาท จัดซื้อเรือดับเพลิงในปีหน้า เตรียมความพร้อมรับมือหากเรือเกิดไฟไหม้ สร้างความเชื่อมั่นเจ้าของเรือสำราญ และเรือยอชต์มาท่องเที่ยวภูเก็ต
พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สว.ส.รน.3 กก.8 บก.รน. กล่าวถึงการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเมื่อเกิดภัยพิบัติทางทะเลของสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจน้ำ ว่า ตำรวจน้ำมีความพร้อมในการให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และประชาชนชาวภูเก็ต หากเกิดอุบัติเหตุ และอุบัติภัยทางทะเลขึ้น โดยรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง โดยให้โทรศัพท์แจ้งที่หมายเลข 1169 หรือ 0-7621-1883 พร้อมจัดเรือขนาด 80 ฟุต จำนวน 1 ลำ ขนาด 50 ฟุต จำนวน 2 ลำ เรือยนต์เร็ว จำนวน 1 ลำ พร้อมน้ำมันเชื้อเพลิง เตรียมพร้อมที่จะออกช่วยเหลือเมื่อได้รับแจ้งเหตุว่ามีผู้ประสบภัยทางน้ำ จัดรถยนต์พร้อมน้ำมันเชื้อเพลิงไว้เตรียมพร้อม จำนวน 2 คัน จัดอุปกรณ์ช่วยชีวิต และอุปกรณ์ดับเพลิงประจำเรือไว้คอยช่วยเหลือ ฝึกเจ้าหน้าที่ประจำเรือในการใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต และอุปกรณ์ดับเพลิง จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ จำนวน 1 ชุด ไว้คอยช่วยเหลือ และจัดชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 1 ชุด เพื่อร่วมกับเรือยนต์เร็วออกปฏิบัติได้ภายใน 10 นาที อีกทั้งยังมีการตรวจสอบเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดให้ใช้การได้ตลอดเวลา
สำหรับขั้นตอนในการปฏิบัติขณะเกิดเหตุ พ.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เวรยามผู้รับแจ้งเหตุ ลงบันทึกการรับแจ้งเหตุ ลงสมุดประจำวันไว้เป็นหลักฐาน รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ทราบตลอดเวลา แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการช่วยเหลือทราบเบื้องต้น เพื่อเตรียมการปฏิบัติหลังจากผู้บังคับบัญชาสั่งการ ในส่วนผู้บังคับบัญชา ต้องวิเคราะห์เหตุการณ์ว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นว่าถูกต้องครบถ้วน พอเพียงต่อการตัดสินใจสั่งการหรือไม่ สั่งการปฏิบัติการช่วยเหลือ เช่น ถ้ากรณีคนจมน้ำให้ชุดหน่วยค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำออกช่วยเหลือโดยด่วน โดยร่วมกับเรือตรวจการณ์หรือรถยนต์แล้วแต่กรณี ถ้ากรณีเรือไฟไหม้ เรือจมให้ชุดเคลื่อนที่เร็วร่วมกับเรือยนต์เร็ว ออกไปทำการช่วยเหลือพร้อมๆกับเรือตรวจการณ์ขนาด 80 ฟุต เรือขนาด 50 ฟุต ซึ่งได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ออกไปช่วยเหลือทันที เป็นต้น นอกจากนี้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น อีกทั้งติดตามเหตุการณ์และแก้ไขปัญหาเมื่อผู้ปฏิบัติประสบข้อขัดข้องในการปฏิบัติ ส่วนผู้ปฏิบัติ เตรียมกำลังพลและอุปกรณ์ให้พร้อมเสมอเพื่อรอรับคำสั่ง และออกปฏิบัติงานช่วยเหลือตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และเมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุ ให้การปฏิบัติการช่วยเหลือ รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกระยะ ประสานกับหน่วยงานอื่นที่ร่วมปฏิบัติอย่างใกล้ชิด รวมทั้งถ่ายภาพ หรือบันทึกภาพเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ และการช่วยเหลือไว้ทั้งหมด เพื่อประกอบรายงานผลปฏิบัติเสนอต่อผู้บังคับบัญชา
ในส่วนขั้นตอนในการปฏิบัติหลังเกิดเหตุ สำหรับผู้ปฏิบัติเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจรายงานการปฏิบัติโดยละเอียด ประกอบด้วย ปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งใคร เมื่อใด ออกปฏิบัติภารกิจตั้งแต่เมื่อใด และเสร็จสิ้นเมื่อใด เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบเห็นเหตุการณ์อะไรบ้าง ที่ไหน เวลาใด ได้ดำเนินการปฏิบัติอย่างไรบ้าง มีหน่วยงานไหนเข้าร่วมปฏิบัติ มีผู้บาดใดได้รับบาดเจ็บ-เสียชีวิตหรือไม่ ความสิ้นเปลืองในการช่วยเหลือ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น ปัญหาและข้อขัดข้อง ข้อเสนอแนะเพื่อจะได้ปรับปรุงการปฏิบัติในครั้งต่อไป ในส่วนกรณีเกิดอุบัติเหตุให้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารเรือ และบริษัทเรือ ตรวจสอบใบประกาศนียบัตรนายท้ายเรือ และผู้ควบคุมเครื่อง ตรวจสอบความเสียหายทั้งหมด ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หรือญาติๆ ร่วมสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุตามอำนาจหน้าที่ และสรุปผลการปฏิบัติรายงานผู้บังคับบัญชา
ด้าน นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า การให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหากเกิดอุบัติเหตุทางทะเลขึ้นนั้น นอกจากตำรวจน้ำแล้ว ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยที่สามารถบูรณาการการช่วยเหลือได้ เช่น ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าท่า อบจ. อปท.และหน่วยงานเกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีเครื่องมืออุปกรณ์ และบุคลากรพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทางน้ำ
นอกจากนี้ ทางจังหวัดภูเก็ตได้จัดสรรงบประมาณปี 2559 จำนวน 25 ล้านบาท จัดซื้อเรือดับเพลิง จำนวน 1 ลำ เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้การช่วยเหลือกรณีเกิดเพลิงไหม้เรือในทะเล ซึ่งคาดว่าเรือลำดังกล่าวน่าจะมาประจำการที่ภูเก็ตได้ประมาณปี 2560 ที่จะถึงนี้ ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือต่างๆ ให้สอดรับต่อการกำหนดให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลด้วยเรือสำราญ เรือยอชต์ เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากในแต่ละปีภูเก็ตมีเรือสำราญ หรือเรือยอชต์จากต่างประเทศเดินทางเข้ามากว่า 1,500 ลำ แต่ภูเก็ตยังขาดเรือดับเพลิงหากเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือในทะเล