ผบ.ทบ.ชมการฝึกรบผสมเหล่า “ทหารราบ-ม้า-ปืนใหญ่-หน่วยรบพิเศษ” ตามแผนป้องกันประเทศ เน้นฝึกด้านเทคโนโลยี หลักนิยม พร้อมปรับยุทธวิธี เตรียมฝึกผสมทุกเหล่าทัพ ยันแม้ทหารต้องสนับสนุนรัฐบาล-คสช.แต่ไม่กระทบการฝึกและภารกิจหลักของกองทัพ
ที่เนิน 129 บ้านดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี วันนี้ (6 มี.ค.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางมาตรวจการฝึกหน่วยภาคกองร้อยของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เพื่อรับชมการปฏิบัติการแทรกซึมทางอากาศของชุดปฏิบัติการรบพิเศษหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และการปฏิบัติการทางทหารในภารกิจเข้าตีของ พล.ม.2 รอ. เริ่มจากปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศ (เฮลิคอปเตอร์) การปฏิบัติการของปืนใหญ่ยิงเตรียม การปฏิบัติการลาดตระเวนของกองร้อยทหารม้าลาดตระเวน และการปฏิบัติการเข้าตีด้วยกระสุนจริงของกองพันทหารม้าเฉพาะกิจ พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการการพัฒนาเครื่องช่วยฝึก โดยมี พล.ต.สมโภชน์ วังแก้ว ผบ.พล.ม.2 รอ.ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ การฝึกหน่วยกองร้อยของ พล.ม.2 รอ.เป็นการฝึกตามวงรอบประจำปีของกองทัพบก โดยได้กำหนดรูปแบบการฝึกให้สอดคล้องตามแผนป้องกันประเทศของกองทัพบก โดยจัดกำลังจำนวน 6 กองร้อย ประกอบด้วย 2 กองร้อยทหารม้ารถถัง มียุทโธปกรณ์หลักได้แก่ รถถัง เอ็ม 60 เอ 1 และเอ็ม 60 เอ 3 2 กองร้อย ทหารม้าบรรทุกยานเกราะมียุทโธปกรณ์หลักได้แก่ รถสายพานลำเลียงพลแบบ 85 1 กองร้อยทหารม้าลาดตระเวน มียุทโธปกรณ์หลัก ได้แก่ รถถังเบา แบบ 21 หรือสกอร์เปี้ยน และ 1 กองร้อยเครื่องยิงหนักมียุทโธปกรณ์หลักได้แก่ รถสายพานติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิด 120 มล.
ทั้งนี้ เพื่อให้มีความพร้อมในการรบผสมเหล่าตั้งแต่ยามปกติ กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้บูรณาการห้วงการฝึกเป็นหน่วยกองร้อยของเหล่าต่างๆ โดยให้กองพลทหารปืนใหญ่ ซึ่งจัดกำลังจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 722 จำนวน 1 กองร้อยโดยจัดปืนใหญ่ขนาด 155 มม. พร้อมหน่วยบินสนับสนุนให้กับหน่วยดำเนินกลยุทธ์ และศูนย์การบินทหารบกได้จัดเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ รุ่นเอเอส-550 (fennec) จำนวน 4 เครื่อง ในภารกิจลาดตระเวนทางอากาศ และระวังป้องกันกับหน่วยดำเนินกลยุทธ์
พล.อ.อุดมเดชให้โอวาทว่า ได้เห็นพัฒนาการของการปฏิบัติทางทหารทำให้เห็นว่ากำลังพลทุกนายมีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก โดยยึดถือหลักปฏิบัติที่สำคัญและเร่งด่วน ตามหลัก 12 ประการเพื่อให้ปี 2558 เป็นปีแห่งการปฏิบัติงานของกองทัพบกที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านการพัฒนาการฝึกศึกษา อีกทั้งยังทำให้เห็นว่า หน่วยที่ร่วมฝึกมีขีดความสามารถและพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อรองรับภัยคุกคามทุกรูปแบบ ดังนั้นทหารซึ่งเป็นกลไกลหลักของประเทศต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ความเป็นทหารอาชีพ ความเป็นทหารของชาติ พร้อมตระหนักว่าการทำหน้าที่เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“กำลังพลทุกนายต้องมีความรักสามัคคี ตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริต และความจงรักภักดี ร่วมมือร่วมใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งจะทำให้ทหารอยู่ได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน และเป็นหลักประกันของการรักษาเอกราช ประชาธิปไตย และความสงบสุขของบ้านเมือง”
ต่อมา พล.อ.อุดมเดชให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการตรวจเยี่ยมการฝึกและทดสอบระดับกองร้อย โดยหมุนเวียนการฝึกประจำปี ที่มีทั้งภาคกองร้อย กองพัน และหมู่ตอนหมวด พร้อมให้นโยบายการพัฒนาการฝึกในด้านเทคโนโลยีและหลักนิยม รวมทั้งปรับปรุงยุทธวิธี โดยการฝึกครั้งนี้ได้มอบให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมยุทธการไปดูรายละเอียดจะได้มีการฝึกผสมทุกเหล่าทัพในการปฏิบัติร่วมกัน เพราะการรบจริงจะปฏิบัติเพียงเหล่าหนึ่งเหล่าใดคงไม่ได้ โดยจะมีการกำหนดการฝึกในห้วงที่เหมาะสม สำหรับยุทธโธปกรณ์ที่จะมีการพัฒนาปรับปรุงสำหรับการฝึกจะมีการจัดหาจัดซื้อตามความจำเป็น เน้นการวิจัยพัฒนาเพื่อสนับสนุนการฝึก เช่น เครื่องมือช่วยฝึก ช่วยยิง ที่จะช่วยในเรื่องของผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ได้เองเพื่อลดงบประมาณ ไม่ให้เกิดความสิ้นเปลืองมาก
“แม้กองทัพจะต้องสนับสนุนภารกิจของ คสช.และรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อการฝึกหรือภารกิจหลักในการป้องกันชายแดน เพราะมีการแบ่งแยกกำลังพลที่ปฏิบัติอยู่ และจะมีการฝึกทดแทน ระหว่างหมู่ตอนหมวด และภาคกองร้อยของแต่ละเหล่า โดยทหารทุกคนจะต้องฝึกอย่างใดอย่างใดหนึ่ง โดยให้โยบายว่าในรอบปีจะต้องมีการฝึกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อภารกิจหลักของกองทัพแต่อย่างใด”