“ประยุทธ์” เผยมีกลุ่มคนเตรียมก่อเหตุรุนแรงอีก ลั่นอย่าทำโดยเด็ดขาด โวโรดแมปตามกำหนดเป๊ะ ยังไม่ออกนอกลู่ ติงสื่อวิจารณ์แบบไม่ทำการบ้าน วอนให้ยึดจรรยาบรรณด้วย ย้ำอย่่าโยงนิรโทษ - ปรองดอง - กฎหมาย เป็นเรื่องเดียวกัน ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน พูดเป็นนัยใครทำผิดต้องรับโทษเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ผู้มีอำนาจ ออกตัวไม่เร่งเช็คบิลคดีไหนเป็นพิเศษ แค่เรื่องไหนเสียหายมากก็พิจารณาก่อน
วันนี้ (20 ก.พ.) เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า การเข้ามาบริหารประเทศของ คสช. และรัฐบาลในปัจจุบันนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อยุติความขัดแย้ง ปฏิรูปประเทศให้สามารถเดินหน้าพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน ขณะนี้ในเรื่องของการปฏิรูปกำลังเดินหน้าอยู่ ในช่วงที่ต้องมีการแก้ไข ในระยะที่ 2 ในเรื่องเร่งด่วนต่างๆ เหล่านั้น เราก็เดินหน้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้องของประชาชน การลดความเหลื่อมล้ำในระยะที่ 1 การสร้างความยั่งยืนในระยะแรก ตลอดจนการดำเนินนโยบายตามโรดแมปของ คสช. และรัฐบาล
“ทุกฝ่ายน่าจะใช้เหตุผลเข้ามาช่วยกัน ร่วมมือกันในการทำงานกับรัฐบาล หากใช้วิธีทาง ทางการเมืองเข้ามาสร้างกระแส หรือสร้างประเด็นความขัดแย้งอีกต่อไป ก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการที่จะบรรลุเป้าหมายตามเวลาที่เราต้องการ เพราะว่าเรื่องที่ต้องดำเนินการนั้นมีมากมาย ปัญหาเร่งด่วน ปัญหาระยะสั้น ระยะยาว เรื่องของกฎหมาย เรื่องของการปฏิรูปหลายอย่าง จริงๆแล้วก็ทุกอย่าง เราต้องทำด้วยความรอบคอบ ไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาวต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชน คอลัมนิสต์ หรือบุคคลฝ่ายการเมือง หรือนักวิชาการ ขอความกรุณาให้มีข้อมูลครบ มีการทำการบ้าน และดูในส่วนที่เป็นเหตุ เป็นผล มีการตรวจสอบความถูกต้อง เพราะเป็นจรรยาบรรณของมนุษย์ ของคนที่ดี ของสื่อที่ดี สื่อที่มีคุณภาพ ไม่อย่างนั้นสร้างความเข้าใจผิด และสร้างมวลชนขึ้นมา ทำให้เกิดปัญหา เกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลในการทำงาน และตนก็ต้องมาตอบคำถามซ้ำๆในเรื่องที่เคยตอบไปแล้ว หรือเรื่องที่เคยทำ หรือทำจบไปแล้ว หากไม่ฟังกัน ไม่เข้าใจกัน ก็นำมาพูดกลับไปกลับมาอยู่แบบเดิม บางครั้งก็ทำให้การทำงานสะดุดเหมือนกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรว่า ทั้งเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ การปรองดอง การนิรโทษกรรม การดำเนินการทางกฎหมายต่างๆ มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นอยากให้รัฐทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ตนเข้าใจว่าทุกท่านหวังดีอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงกติกาบ้าง คิดถึงกฎหมายด้วย หากเราพูดถึงเรื่องปรองดองอย่างเดียว เรื่องกฎหมายก็มีปัญหา ถ้าจะพูดถึงการนิรโทษฯก็ต้องต่อมาจากกฎหมายเช่นเดียวกัน หากว่าจะปรองดองกัน อย่างแรกต้องลดการพูดจาให้ร้ายซึ่งกันและกัน และปล่อยให้ทุกอย่างเข้าสู่การกระบวนการ อย่าไปใช้ความชอบส่วนตัวมาเป็นเหตุเป็นผล แม้ว่าจะเป็นคนที่ท่านชอบ แต่ถ้าทำความผิด ก็ผิดอยู่ดี บางอย่างก็ต้องเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้กับประเทศ ให้กับทุกคนที่จะต้องเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าถูกก็ว่าไปตามถูก ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด
“หากว่าวันนี้ยังไม่ยอมรับความผิดกันเลย หรือว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าผิดมาก ผิดน้อย ผิดแค่ไหน เจตนาไม่เจตนาอย่างไร ผมคิดว่ายังเป็นปัญหาอยู่ทั้งสิ้น ฉะนั้น ก็คงต้องนำกฎหมายมาดู และใช้หลักเกณฑ์ของความเป็นธรรม ความชอบธรรม ความโปร่งใส การยอมรับเหล่านี้ คงต้องฝากหลายส่วนด้วยกัน ทั้งในส่วนของภาครัฐ และกระบวนการยุติธรรม และเอกชน ประชาชน ที่มีส่วนร่วม ก็ต้องไปหาทางกันมาว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบสุข อย่านำมาเกี่ยวพันกัน เรื่องของกฎหมาย เรื่องของนิรโทษฯ เรื่องของการปรองดอง เหล่านี้ต้องมีการดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน เราต้องนึกถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ซึ่งอาจจะอยู่ตรงกลางอยู่ในขณะนี้” นายกฯระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า หากวันนี้เรามีความขัดแย้งในประเทศมาก หรือกลับไปสู่ความขัดแย้งเก่าๆ สิ่งที่เราต้องเดินหน้าในขณะนี้ก็ไปไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะเกิดประโยชน์กับใคร หลายฝ่ายต้องการสร้างความขัดแย้งเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มตัวเอง เพราะฉะนั้นวันนี้เราเป็นคนไทยด้วยอย่าโกรธกันจนเกินไป หรือเกลียดกันจนกระทั่งให้อภัยกันไม่ได้ เราต้องตั้งสติใหม่ และลดความขัดแย้งลงให้ได้ ข้อมูลเท็จ ข้อมูลบิดเบือน อย่าให้ลุกลามสร้างความเกลียดชังมากขึ้น ฝากถึงทุกๆคนให้ช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรประเทศชาติจะปลอดภัย ประชาชนเป็นสุข ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าประชาธิปไตยในเวลานี้ ซึ่งคำว่าประชาธิปไตยก็เป็นไปตามโรดแมปทุกอย่าง ยังไม่มีอะไรที่ผิดเพี้ยนไปเลย และในวันนี้ต้องยอมรับในกติกาของกระบวนการยุติธรรม อย่ากล่าวอ้างกันว่า 2 มาตรฐาน หรือว่าเร่งรัดเรื่องต่างๆก็ขึ้นอยู่กับคดี หลักฐานพร้อม หรือคดีใดก็ตามที่มีความเสียหายเป็นจำนวนมาก อันนี้เขาคงนำไปพิจารณาก่อน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการดำเนินคดีทุจริตคอร์รัปชั่นด้วยว่า วันนี้เราก็ให้ดำเนินการให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หลายคดีอาจจะมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก เช่น คดียักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สหกรณ์ยูเนี่ยน การทุจริตจัดซื้อจัดหา ก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 มีอยู่หลายคดีด้วยกัน ซึ่งไม่อยากให้พี่น้องประชาชนติดตาม ไม่ควรไปเร่ง หรือไปตัดสินกันเสียก่อน ขอให้เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย อย่าสร้างความสับสน และสร้างความเกลียดชังกันไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเรื่องการปราบอาชญากรรม ยาเสพติด ทุกคดีให้เป็นไปอย่างยุติธรรม ยึดกฎหมายเป็นหลัก ส่วนการดำเนินงานของส่วนราชการและเอกชนในโครงการต่างๆ ส่วนไหนที่ดำเนินการอยู่แล้วก้าวหน้าก็ทำต่อไป ให้เสร็จโดยเร็ว และมีประสิทธิภาพ ไม่รั่วไหล หากใครมีข้อมูลหรือข่าวอะไรก็ขอให้ส่งมา ตนจะสั่งให้มีการตรวจสอบทั้งหมด
นายกฯ กล่าวด้วยว่า อยากจะส่งเสริมบริษัทคนไทยสนใจที่จะซื้อยางในประเทศ แล้วรัฐก็จะดูแลในเรื่องของภาษีให้ท่านได้มีกำไร แต่ต้องมาร่วมมือกับเรา เพราะฉะนั้นหลายๆ ส่วนก็อยากให้ช่วยกัน นำยางที่เรามีอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบันออกมาผลิต ออกมาใช้ ให้เร็วที่สุด ขอให้ไปติดต่อมีอยู่หลายที่ด้วยกัน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ก็ได้ หรือจะไปที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ เพราะทั้งหมดเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น เรื่องยางขอร้องเลย อยากจะเรียนเกษตรกรยางให้เข้าใจว่าเราพยายามทำเต็มที่
“ในส่วนที่วันนี้ก็มีพวกที่ออกมาตำหนิ ออกมาปลุกปั่น ออกมาให้ประชาชนไม่เข้าใจรัฐบาล ผมก็อยากจะบอกว่า อย่าทำเลย แล้วก็หลายส่วนผมก็ได้ข่าวว่ามีการเตรียมการใช้ความรุนแรงอีก ซึ่งผมว่าไม่ได้ วันนี้กลับไปอย่างนั้นไม่ได้ แล้วก็จะต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด วันนี้เดือดร้อนคนเก่า ๆ ด้วย ถ้าเชื่อมโยงก็เดือดร้อนไปอีก ไม่มีวันจบ วันนี้ก็ได้ให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามเรื่องนี้อยู่ อย่าทำโดยเด็ดขาด ผมเตือนซะก่อน เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ต้องลงโทษ อย่ามาโวยวายที่หลังว่า รุนแรงเกินไป ไม่เป็นธรรม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
คำต่อคำ : รายการคืนความสุขให้คนในชาติ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558
สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน เนื่องในเทศกาลตรุษจีนที่เพิ่งผ่านไป ผมขออวยพรให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพจิตที่เข้มแข็ง สุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นพลังช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และพัฒนาประเทศไทยของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทย - จีน ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความผูกพันที่ยาวนาน และมีวัฒนธรรมที่ใกล้ชิดมากว่า 120 ปี อันที่จริงนานกว่านั้น จากประวัติศาสตร์ สำหรับปีนี้เป็นปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 40 ปี คนไทยกับคนจีนนั้นมีการไปมาหาสู่เพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ยังได้รับการส่งเสริมโดยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยในภาษา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของจีน ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน รวมทั้งเยาวชนของไทย ในการศึกษา เรียนรู้ภาษา และวัฒนธรรมจีน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทั้งริเริ่มการแสดงดนตรีสายสัมพันธ์ 2 แผ่นดิน และความร่วมมืออื่นๆ ทางด้านวิชาการอีกมากมาย ล้วนมีส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างกัน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ด้านสังคม และวัฒนธรรมนั้น นับวันจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากเรามีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน และถือเป็นว่าเป็นพื้นฐานสำคัญระหว่างการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย - จีน ในด้านอื่นๆ ต่อไปด้วย
ในการเข้ามาบริหารประเทศของ คสช. และรัฐบาลในปัจจุบันนั้น วัตถุประสงค์หลักคือ การยุติความขัดแย้ง ปฏิรูปประเทศให้สามารถเดินหน้าพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน ปัญหาใดๆ ที่สะสมมา ขาดการดูแลแก้ไขหลายอย่าง ซึ่งรัฐบาลหลายๆ รัฐบาลที่ผ่านมาทำได้ไม่มากนัก เพราะมีความขัดแย้ง มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ตาม คงจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ด้านการเมืองไปไม่ได้ ขึ้นอยู่กับหลายส่วนด้วยกัน ทั้งการเมือง ประชาชน ในขณะนี้ ในเรื่องของการปฏิรูป ก็กำลังเดินหน้าอยู่ในช่วงที่จะต้องมีการแก้ไขในระยะที่ 2 ในเรื่องเร่งด่วนต่างๆเหล่านั้น เราก็เดินหน้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้องประชาชน การลดความเหลื่อมล้ำในระยะที่ 1 การสร้างความยั่งยืนในระยะแรก ตลอดจนการดำเนินนโยบายตามโรดแมป ของ คสช. และรัฐบาล
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดสิ่งที่ทุกคนต้องการให้ได้โดยเร็วที่สุด และยั่งยืน ฉะนั้น ทุกฝ่ายน่าจะใช้เหตุผลเข้ามาช่วยกัน ร่วมมือกันในการทำงานกับรัฐบาล หากใช้วิธีการทางการเมืองเข้ามาสร้างกระแส หรือสร้างประเด็นความขัดแย้งอีกต่อไป ก็จะเป็นอุปสรรค ในการที่จะบรรลุกเป้าหมายตามเวลาที่เราต้องการ เพราะเรื่องที่ต้องดำเนินการนั้นมีมากมาย ปัญหาเร่งด่วน ปัญหาระยะสั้น ระยะยาว เรื่องของกฎหมาย เรื่องของการปฏิรูป หลายอย่าง จริงๆ แล้วก็ทุกอย่าง เราต้องทำด้วยความรอบคอบ ไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาวต่อไป
เรื่องที่เรากำลังดำเนินการในขณะนี้ก็เกี่ยวข้องทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งเศรษฐกิจในชุมชน เศรษฐกิจในภูมิภาค เศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้าน และเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก เราต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้ สร้างนวัตกรรมให้ได้
ในส่วนทางด้านเกษตรนั้น ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า รายได้ ผลผลิตทางการเกษตรนั้นตกต่ำ เพราะเกษตรกรรายรับไม่พอเพียงต่อรายจ่าย ทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นค่อนข้างจะเป็นปัญหา เรื่องหนี้ครัวเรือน หลายท่านก็จำเป็นที่จะต้องสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว มีการผ่อนหนี้ผ่อนสิน ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้ออะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ก็ทำให้เป็นปัญหาต่อการดำรงชีพในปัจจุบัน ในส่วนของเงินหมุนเวียนในพื้นที่ วันนี้ก็อย่างที่เรียนไปแล้ว ถ้าเศรษฐกิจโลกมันตกต่ำ เศรษฐกิจในประเทศไม่เข้มแข็ง และผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งก็มีคนทำการเกษตรมากถึง 30 ล้านคน มันก็อาจจะทำให้เป็นปัญหาในเรื่องของเงินทุนหมุนเวียน หรือเงินที่หมุนเวียนในเศรษฐกิจของประเทศ
ในส่วนของการลงทุนในปัจจุบันนั้น เราจำเป็นต้องเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการลงทุนในประเทศ เพื่อให้พี่น้องประชาชนนั้นมีความอยู่ดีกินดีขึ้น ในส่วนที่สอง คือการลงทุนเพื่อจะต่อยอดทางด้านเศรษฐกิจ การสร้างความเชื่อมโยง การสร้างตลาด การแลกเปลี่ยนสินค้า เพราะว่าปัจจุบันเราเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เพราะฉะนั้นสิทธิประโยชน์ต่างๆ เราก็ลดลง เพราะฉะนั้นสินค้าต่างๆ เราค่อนข้างจะแข่งขันกับเขาได้ยาก เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องเร่งรัดทุกมิติในเรื่องของการผลิต ในเรื่องของการค้าขาย การส่งออก การสร้างนวัตกรรม การเพิ่มมูลค่าสินค้า แล้วก็การแปรวัตถุดิบที่มีในประเทศจำนวนมากให้มีมูลค่าสูงขึ้น ผลิตเป็นสินค้าก่อนนำส่งออกนะครับ
สำหรับในเรื่องของการจัดทำความร่วมมือด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ไม่ว่าจะกับจีน หรือญี่ปุ่น หรือประเทศใดๆ ก็ตาม ก็คงมีอีกหลายประเทศที่จะตามมา เพราะฉะนั้นหลายเรื่องก็ต้องมีคณะทำงานพูดคุยเจรจากันนะครับ จนกว่าจะได้ข้อตกลง ก็ยังไม่มีข้อตกลงใดทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย และก็เช่นเดียวกันต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนด้วย เพราะฉะนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพูดคุยเจรจากันในหลายๆ เรื่อง อย่ากังวลเรื่องนี้ เราจะต้องพยายามทำให้ได้ ให้ดี และก็ให้มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับคนไทยนะครับ
ในเรื่องของคดีทุจริตทุกคดีวันนี้เราก็ให้ดำเนินการให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หลายคดีนั้นอาจจะมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก เช่น คดีของ สจล. สหกรณ์ยูเนี่ยน การทุจริตจัดซื้อจัดหาก่อน 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นั้น มีอยู่หลายคดีด้วยกัน พี่น้องประชาชนติดตามแล้วกันนะครับ อย่าไปเร่งรัด หรืออย่าไปตัดสินกันเสียก่อน ผมอยากจะเรียนอย่างนั้น ให้เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ไม่อย่างนั้นมันก็วุ่นวาย สร้างความสับสน และสร้างความเกลียดชังกันไปเรื่อยๆ ใครทำผิดก็ว่าไป สู้กันไปตามหลักฐานที่มีอยู่ ฝ่ายรัฐต้องดำเนินการให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม
ในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด ทุกคดีให้เป็นไปอย่างยุติธรรม ยึดกฎหมายเป็นหลัก ในเรื่องของการจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะนั้น วันนั้นเห็นในทีวี โทรทัศน์ก็สวยงาม นักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศ และชาวไทยมีความพึงพอใจ
อย่างไรก็ตาม ต้องดูแลพ่อแม่พี่น้องที่มีการขายของต่างๆ เหล่านั้นให้มีรายได้ ก็หาพื้นที่ที่เหมาะสมให้ มันอาจจะไม่ดีเท่าที่เก่า อย่างไรก็ตาม เหมือนต่างประเทศการไปซื้อของอะไรต่างๆ มันไม่สะดวกมากนัก ตรงไหนจะต้องไปพักผ่อนก็ต้องเดินไป ต้องเคลื่อนย้ายไป ซื้อของก็ซื้ออีกที่หนึ่งอะไรทำนองนี้ อันนี้ก็บริการถึงที่เลยถึงชายหาดเลย มันสะดวกดี แต่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยมันไม่มี สกปรกด้วย ขอให้ดำเนินการให้ได้โดยเร็ว และอย่าให้กลับมาเป็นแบบเดิมอีก
เช่นเดียวกันนะครับในกรุงเทพฯ ในต่างจังหวัดด้วย หลายๆ พื้นที่จำเป็นจะต้องจัดระเบียบใหม่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม อันนี้เป็นเรื่องของการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำเช่นเดียวกัน เพราะว่าคนอื่นเขาไม่ได้มีรายได้ เพราะเขาไม่ได้มาทำผิดกฎหมาย ไม่ได้มาขายในพื้นที่ห้ามขายอะไรเหล่านี้ต้องเฉลี่ยแบ่งปันกันบ้าง ในวันนี้รัฐบาลเร่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้ วันนี้ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ และเราจะพยายามแก้ปัญหาให้ในระยะยาวต่อไป อาจจะต้องหาที่ที่ถาวร อาจจะต้องดูเรื่องที่อยู่ที่อาศัยด้วย ก็ต้องร่วมมือกัน รัฐคงดูทั้งหมดไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้หรือไม่ว่า ถ้ามีที่อยู่ที่อาศัยราคาไม่แพงมากนัก มีตลาดให้ขาย มีบ้านให้อยู่ ชุมชนแออัดต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถจะขยับขยายออกไปได้ เราต้องขยายชุมชนเมืองออกไป ไม่อย่างนั้นมันก็แน่นอยู่ในกรุงเทพมหานครและในเมืองใหญ่ๆ ทั้งสิ้น นี่ก็อยากจะเรียนไว้ มันเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ซึ่งเราก็คิดตั้งแต่บัดนี้ ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเราเริ่มต้นได้ และได้รับความร่วมมือ ไม่ขัดแย้งกันตั้งแต่ต้น มันก็จะเดินหน้าไปได้ เหมือนกับหลายๆ ประเทศเขาทำ เพราะมันมีผลกระทบหลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการลงทุนของรัฐบาล ซึ่งคงต้องขอข้อมูลจากภาคเอกชนมาร่วมด้วย
ในกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อ คอลัมนิสต์ หรือบุคคลบางคนก็ตาม อาจจะฝ่ายการเมืองบ้าง หรือนักวิชาการ อันนี้ก็ฝากว่า ขอความกรุณาให้มีข้อมูลให้ครบ มีการบ้าน ทำการบ้านมาบ้าง แล้วก็ดูในส่วนที่เป็นเหตุเป็นผล มีการตรวจสอบความถูกต้อง เพราะว่ามันเป็นจรรยาบรรณของมนุษย์ ของคนที่ดี ของสื่อที่ดี สื่อที่มีคุณภาพ ไม่งั้นแล้วมันสร้างความเข้าใจผิด แล้วก็สร้างมวลชนขึ้นมา ทำให้เกิดปัญหา เกิดความขัดแย้งกับรัฐบาลในการทำงาน และผมก็ต้องมาตอบคำถามซ้ำๆ ในเรื่องที่เคยตอบไปแล้ว หรือเรื่องที่เคยทำไปแล้ว หรือทำจบไปแล้ว หรือกำลังทำอยู่ เหล่านี้ถ้าหากว่าไม่ฟังกัน ไม่เข้าใจ มันก็เอามาพูดกลับไปกลับมาอยู่แบบเดิม บางครั้งมันก็ทำให้การทำงานสะดุดอยู่เหมือนกัน
ในเรื่องของการบุกรุกพื้นที่ป่า ขณะนี้ก็ได้สั่งการว่าให้หยุดการบุกรุกโดยเด็ดขาด และเราทำได้ในหลายพื้นที่ พื้นที่ใดๆก็ตามที่ยังคงเป็นป่าอยู่ หรือป่าต้นน้ำ อันนี้เราให้ความสำคัญพิเศษ ต้องตีกรอบพื้นที่เหล่านี้ไว้ให้ได้ ฉะนั้นมีการบุกรุกเมื่อไหร่ก็ตาม ดำเนินการทันที จับกุม จะไม่ปล่อยให้มีการบุกรุกอีกต่อไป
สำหรับพื้นที่ในวงรอบที่รอบนอกของป่าที่สมบูรณ์ แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ป่า พื้นที่อุทยาน อะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากว่ามีการบุกรุกอยู่แล้วก็จะต้องใช้วิธีทางกฎหมายร่วมกับวิธีทางรัฐศาสตร์ คือในเรื่องของการฟ้องร้องรื้อถอน หรือให้เช่า ที่ดินเหล่านั้นถ้าหากว่า นำกลับมาได้ มันก็สามารถที่จะแบ่งปันเฉลี่ยให้กับบุคคลอื่นๆ ที่ขาดแคลนที่ดินอยู่อาศัยด้วย แต่ต้องหาวิธีการ ต้องนึกถึงคนที่เหลืออยู่ด้วย
สำหรับประชาชนที่ยากจน เดือดร้อนจากมาตรการเหล่านี้ รัฐก็ดำเนินการหาวิธีการดูแลต่อไป ก็ต้องยอมรับกันบ้าง ถ้าทุกคนเอาแต่ตามใจกัน ต้องตรงโน้นตรงนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นการทำผิดกฎหมาย
ในเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญ การปรองดอง การนิรโทษ การดำเนินการทางกฎหมาย อะไรเหล่านี้ หลายคนก็แสดงความคิดเห็นออกมาว่าอยากให้รัฐทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ ผมเข้าใจว่าท่านก็คงจะหวังดี อยากให้บ้านเมืองสงบ แต่ท่านต้องคำนึงถึงกติกาบ้าง คิดถึงกฎหมาย ว่ามันเป็นอย่างไรอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดถึงเรื่องปรองดองอย่างเดียว เรื่องกฎหมายมันก็มีปัญหา ถ้าจะพูดถึงการนิรโทษฯ มันก็ต้องต่อมาจากกฎหมายเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นหลายๆ อย่างมันเป็นเรื่องที่มันมีความเกี่ยวพันกับกฎหมายของประเทศ ถ้าหากจะปรองดองกัน ผมว่าอย่างแรกก็คือ ลดการพูดจาให้ร้ายซึ่งกันและกัน และปล่อยให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการ อย่าไปตัดสินกันเอง อย่าไปใช้ความชอบส่วนตัวมาเป็นเหตุเป็นผล คือถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่ท่านชอบ แต่ถ้าทำความผิด มันก็ต้องผิดอยู่ดี เพราะฉะนั้นจะได้มีการปรับปรุงตัวเองในโอกาสต่อไป บางอย่างก็เป็นการสร้างบรรทัดฐานให้กับประเทศ ให้กับทุกคน ที่จะต้องเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าหากว่ายังไม่ยอมรับความผิดกันเลย หรือว่ายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าผิดมาก ผิดน้อย ผิดแค่ไหน อย่างไร เจตนาหรือไม่เจตนาอย่างไร ผมคิดว่ามันยังเป็นปัญหาอยู่ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นก็คงต้องไปเอากฎหมายมาดู แล้วก็พิจารณา แล้วก็ใช้หลักเกณฑ์ของความเป็นธรรม ความชอบธรรม ความโปร่งใส การยอมรับ เหล่านี้ก็คงต้องฝากหลายส่วนด้วยกัน ทั้งในส่วนของภาครัฐ กระบวนการยุติธรรม เอกชน ประชาชน ที่มีส่วนร่วม ก็ต้องไปหาทางกันมาว่าจะทำอย่างไรบ้างเพื่อจะสงบสุข ผมไม่อยากให้ไปมุ่งเน้นในเรื่องหนึ่งเรื่องใดโดยเฉพาะ เพราะวันนี้ปัญหาความขัดแย้งมันอยู่ที่ประชาชน ประชาชนก็มีหลายพวกหลายฝ่าย หลายกลุ่มอาชีพ แล้วคนกระทำความผิดก็มีหลายส่วน หลายพวกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเราไปลงความเห็นว่าปัญหามันอยู่ตรงนั้นตรงนี้ มันคงไม่ใช่ทั้งหมด อยากจะให้ไปดูในปัญหาในภาพกว้าง ถ้าหากว่าทำความผิดไปแล้ว อาจได้รับการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม คนอื่นๆ จะได้รู้ว่า อย่างนี้ทำได้ อย่างนี้ทำไม่ได้อะไรเหล่านี้ และแก้ปัญหาไปทีละจุดๆ ไป เราแก้อันหนึ่งอันใดไม่ได้ เพราะปัญหามันเกิดขึ้นมานาน และความขัดแย้งมันเกิดอยู่กับประชาชน ซึ่งมีจำนวนเป็นล้านๆ คน
เพราะฉะนั้นเราจะไปชี้เป็นชี้ตาย ชี้ถูกชี้ผิดไม่ได้ เว้นแต่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งทุกคนต้องยอมรับว่า เพราะมันกฎหมายของประเทศ ไม่อย่างนั้นมันทำให้กระบวนการยุติธรรมมันรวนไปทั้งหมด ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต เพราะฉะนั้นอย่ามาเกี่ยวพันกันเรื่องของกฎหมาย เรื่องของการนิรโทษฯ เรื่องของการปรองดองเหล่านี้มันต้องมีการดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน
เพราะฉะนั้นเราต้องนึกถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย ซึ่งอาจจะอยู่ตรงกลางอยู่ในขณะนี้ สำหรับในด้านการดำเนินงานของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ทุกอย่างกำลังเดินได้ไปด้วยดี มีการปรับกฎกติกาต่างๆ หลายอย่างด้วยกันทั้งกฎหมาย พันธสัญญาต่างๆ เรามีการปรับปรุง การจัดทำข้อตกลงทางการค้า การกำหนดลิขสิทธิ์ หรือกำหนดประเภทของสินค้าต่างๆ นั้น จำเป็นต้องลงรายละเอียดทั้งหมด เพราะว่าปีหน้ามันจะดำเนินการก้าวเข้าสู่เออีซีด้วย และหลายอย่างเราถูกตัดสิทธิไป มันต้องเร่งการเจรจาเอฟทีเอหลายๆ กลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของอาเซียนด้วยกัน และในกลุ่มของที่เป็นพันธมิตรอีกหลายประเทศ
เพราะฉะนั้นหากวันนี้ เรามีความขัดแย้งในประเทศมาก หรือกลับไปสู่ความขัดแย้งเก่าๆ สิ่งที่เรากำลังเดินหน้าขณะนี้มันก็ไปไม่ได้ และผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดประโยชน์กับใคร หากว่ามันเป็นไปตามที่หลายพวกหลายฝ่ายต้องการ ที่สร้างความขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน มันเกิดประโยชน์อยู่คนกลุ่มเดียวเท่านั้นเอง กลุ่มสองกลุ่ม
เพราะฉะนั้นประชาชนที่เหลือจะทำอย่างไร และจะอยู่กันอย่างไร บ้านเมืองมันไปไม่ได้ เศรษฐกิจมันก็แย่ รัฐบาลมันก็ไม่มีใครทำได้หรอก ถ้ายังขัดแย้งไม่ร่วมมือกันอยู่ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญวันนี้เราเป็นคนไทยด้วยกัน อย่าโกรธกันเกินไป หรือเกลียดจนกระทั่งให้อภัยกันไม่ได้ เราต้องตั้งสติใหม่ และลดความขัดแย้งให้ได้ ข้อมูลเท็จ ข้อมูลบิดเบือนต่างๆ เหล่านี้ บางครั้งมันก็ทำให้ทุกอย่างลุกลาม สร้างความเกลียดชังมากขึ้น เพราะฉะนั้นอยากจะฝากไปถึงสื่อ ฝากไปถึงผู้ที่ประชาชนยอมรับในการพูดจาต่างๆเหล่านั้นก็คงจะช่วยกัน ทั้งสื่อ นักวิชาการ เอาประเด็นหลักมาก่อนได้ไหม ว่าทำอย่างไรประเทศชาติจะปลอดภัย ทำอย่างไรประชาชนจะเป็นสุข ผมว่าเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าประชาธิปไตยในเวลานี้นะครับ ซึ่งคำว่าประชาธิปไตยมันก็เป็นไปตามโรดแมปทุกอย่างอยู่แล้ว ในขณะที่ยังไม่มีอะไรผิดเพี้ยนเลย มันขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของหลายๆส่วนด้วยกันว่าจะได้แค่ไหน ที่จะนำไปสู่กระบวนการเหล่านั้นได้ ฉะนั้นวันนี้ต้องยอมรับในกฎกติกาของกระบวนการยุติธรรม อย่ากล่าวอ้างกันว่า 2 มาตรฐาน การเร่งรัดอะไรต่างๆก็ขึ้นอยู่กับคดี หลักฐานพร้อม หรือคดีอะไรก็ตามที่เกิดความเสียหายมากเป็นจำนวนมาก อันนี้เขาก็คงต้องเอามาพิจารณาก่อน
ส่วนเรื่องของการแปรรูปผลผลิตทางด้านการเกษตร หรือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในประเภทของสินค้าทุกประเภท วันนี้ผมก็มุ่งเน้นไปที่ผ่านมาการวิจัยและพัฒนาของเรายังไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไหร่นัก วันนี้ก็ทั้งเรื่องกองทุน เรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการ ทำอย่างไรเราจะกำหนดประเภทของสินค้า หรือสิ่งของที่เราต้องการ นำไปสู่การวิจัย เพื่อเพิ่มวิทยฐานะเท่านั้น ต้องนำสู่การผลิตให้ได้ มีหลายอย่างนะครับ
วันนั้นผมไปดูที่ สวทช. ก็นำมาแถลงให้เห็นถึง 30 กว่าอย่าง แล้ววันนั้นก็ดูที่งานของกระทรวงพาณิชย์ ก็เห็นมีสินค้าประเทศไทยที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม 18 อย่าง 18 บริษัท จริงๆ แล้วมีมากกว่านี้ ส่งมาจำได้ว่าเป็นพันรายการ ก็ต้องมาเลือกดูว่า อันไหนที่จะส่งเสริม อันไหนที่จะขยายไปสู่ธุรกิจเอสเอ็มอี ก็หากองทุนส่งเสริมให้ อันนี้ผมได้สั่งการไปแล้ว ให้ สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์ ทุกกระทรวงได้ไปช่วยกันรวบรวมออกมา อะไรที่จะวิจัยต่อ อะไรที่จะต่อยอด อะไรที่จะเริ่มใหม่ ทั้งนี้ต้องสอดคล้องให้ตรงไปกับความต้องการของเรา สนับสนุนการค้าการลงทุน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 ประเภท ที่สอดคล้องกับการลงทุนของบีโอไอ สอดคล้องกับการลงทุนของการส่งเสริมรัฐวิสาหกิจด้วย วันนี้เราต้องเอาทุกอย่างมาผูกกันให้ได้หมดนะครับ การวิจัยและพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมของประเทศเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญวันนี้เมื่อผลิตออกมาแล้วมันต้องมีการรับรองคุณภาพก่อน ก็จะเร่งให้ สวทช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปกำหนดมาตรการ มาตรฐาน เพราะฉะนั้้นมันจะนำไปสู่การจัดซื้อจัดจ้างไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผลิตอะไรออกมาแล้ว ดูดี ทดสอบกันเองอะไรกันเองไม่ได้ มันต้องมีการกำหนดมาตรฐานให้ได้ทุกประเภทเลย ก็เร่งรัดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเกราะ หรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ตามที่มันมีผลต่อชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นสินค้าที่จะต้องไปแข่งขันกับคนอื่น ไม่งั้นเราไม่มีการรับรองมาตรฐาน มันสู้เขาไม่ได้ แล้วต่อไปก็ต้องนำนวัตกรรมเหล่านี้ของไทยไปผ่านการรับรองมาตรฐานของสากลเขาด้วย มันมีหลายองค์กร ถ้าเราไม่ไปผ่านตรงโน้นเราก็ส่งออกต่างประเทศไม่ได้ วันนี้ผมก็ผูกเรื่องของการกำหนดการวิจัย แล้วก็กลุ่มของนักวิจัย สร้างนักวิจัยเพิ่ม โดยร่วมมือกับทางภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา ในการที่จะหาทุน ในการที่จะกำหนดหัวข้อในการวิจัย จากนั้นก็จะนำไปสู่การคัดเลือก การนำเข้าสู่การผลิต การกำหนดมาตรฐาน การนำมาใช้ในประเทศ และการนำไปตรวจสอบโดยองค์กรระหว่างประเทศ แล้วก็ไปขายระหว่างประเทศด้วย ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ ผมคิดว่าการค้าขายสินค้าเดิมๆ เราก็จะค้าขายแต่สิ่งของที่มันเป็นปริมาณมากๆ เช่น ข้าว ยาง ซึ่งมันไม่ได้แปรรูป ไม่ได้เพิ่มให้มีมูลค่าสูงขึ้น ราคามันก็ตกไปแบบนี้ วันนี้เราเร่งเรื่องยาง วันนี้เร่งไปมาก ก็อย่างที่เรียนไปแล้วว่า สมมุติว่าเรามี 100 เปอร์เซ็นต์ 20 เปอร์เซ็นต์ ใช้ในประเทศ 80 ส่งออกเป็นวัตถุดิบ นี่มันไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ วันนี้ก็ได้สั่งว่า ให้นำมาใช้ในการทำถนน ในการทำที่นอนยาง ถุงมือยาง อะไรต่างๆ เหล่านั้นมันทำอยู่แล้ว มันไม่พอ มันน้อย แล้วก็อิฐบล็อก แล้วก็ปูพื้นสนามกีฬา เหล่านี้ อีกหลายอย่าง ได้สั่งการไปแล้ว ตอนนี้ก็จัดหาบริษัทที่จะมาผลิตได้แล้วหลายบริษัทด้วยกัน ก็จะเร่งให้เร็วที่สุดในการที่จะนำยางที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน ให้จัดซื้อจัดจ้างกันภายในประเทศ มาผลิต ผลิตออกมาแล้วก็ใช้ไปทำสนามกีฬาในโรงเรียน หรือในสถานที่ชุมชนอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ที่นอนก็ไปผลิตขาย ก็ต้องมาดูว่า จะเอาต้นทุนยางจากไหน ทำให้ราคายางมันสูงขึ้นได้อย่างไร แล้วผลิตออกมามีการรับรองคุณภาพไหม วันหน้าจะได้ไม่เกิดปัญหา แล้วก็ขยายไปเรื่อยๆ ถ้าในประเทศใช้ของเราแบบนี้ ผมคิดว่ายางที่เรามีอยู่เพียงพอแน่นอน ไม่ต้องไปซื้อจากต่างประเทศ ก็อยากจะส่งเสริมบริษัทคนไทย อยากให้บริษัทที่สนใจในเรื่องของการที่จะซื้อยางในประเทศ แล้วเราก็จะดูแลในเรื่องของภาษี เรื่องของการอะไรต่างๆ ให้ท่านได้มีกำไร แต่ท่านต้องมาร่วมมือกับเรา เพราะฉะนั้นหลายๆ ส่วนก็อยากให้ช่วยกัน นำยางที่เรามีอยู่เป็นจำนวนมากออกมาผลิต ออกมาใช้ ให้เร็วที่สุด ขอให้ไปติดต่อที่ มีอยู่หลายที่ด้วยกัน กระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้ กระทรวงพาณิชย์ก็ได้ หรือจะไปที่กระทรวงเกษตรฯ หรือที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เพราะทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น อยากจะเรียนอย่างนั้น เรื่องยางขอร้องเลยนะ เราก็อยากจะเรียนเกษตรกรยางให้เข้าใจ เราพยายามทำเต็มที่
ในส่วนที่ วันนี้มันก็มีพวกที่ออกมาตำหนิ ออกมาปลุกปั่น ออกมาให้ประชาชนไม่เข้าใจรัฐบาล ผมก็อยากจะบอกว่า อย่าทำเลย แล้วหลายส่วนผมก็ได้ข่าวว่ามีการเตรียมการใช้ความรุนแรงอีก ซึ่งผมว่ามันไม่ได้นะ วันนี้กลับไปอย่างนั้นไม่ได้ แล้วก็จะต้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพราะนี่เดือดร้อนคนเก่าๆ ด้วย ถ้ามันเชื่อมโยง มันก็เดือดร้อนไปอีก มันไม่มีวันจบหรอก วันนี้ก็ให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามเรื่องนี้อยู่ อย่าไปคิดว่าทำแล้วมันจะเกิดประโยชน์ มันยิ่งไม่เกิดประโยชน์ แล้วประชาชนก็รังเกียจ เพราะเขาเห็นว่ามีความสุขกันอยู่ อย่าไปทำ หลายคนก็คิด คิดได้ แต่อย่าออกมาเลยนะ
ในเรื่องของการดำเนินงานของส่วนราชการและเอกชนในโครงการต่างๆ ส่วนไหนที่ดำเนินการอยู่แล้วมันก้าวหน้า ก็ทำต่อไป ให้มันเสร็จ ให้เร็ว ให้มีประสิทธิภาพ ไม่รั่วไหล วันนี้ก็มีข่าวโน่นข่าวนี่เข้ามา ก็กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ทุกอัน บางอย่าง ส่วนใหญ่ก็เป็นข่าวลือบ้าง ข่าวที่ประชาชนเป็นห่วงบ้าง ก็ส่งมา ส่งมาเถอะครับ ผมก็สอบให้หมด นี่ก็เร่งรัดทุกกระทรวงไป
ในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการใหม่ วันนี้ถ้าดูงบประมาณที่เราลงไปแล้วในงวดที่ 1 ที่ 2 ประมาณ 3 แสนกว่าล้าน ทีนี้ปัญหาของเรามันลงไปได้แสนกว่าล้าน ที่เหลือมันเป็นเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้าง ก็อย่างที่ทุกคนทราบข่าวแล้วว่า ในเมื่อเราควบคุมมากๆ มันก็ทำให้เกิดความระมัดระวังในการจัดทำแผนงานโครงการ จริงๆ แล้วเราโอนงบประมาณไปแล้ว การโอนงบประมาณจากของรัฐบาลลงไป โดยสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง ไม่ช้าหรอกครับ 1-2 อาทิตย์ก็ลงไปแล้ว แต่ลงไปข้างล่างแล้ว มันก็ต้อง หน่วยงานที่มีอยู่จากกระทรวง กรม อะไรต่างๆ เขาก็ต้องมีเวลาในการจัดทำแผนงาน ผมถือว่าจริงๆ แล้วมันไม่ช้าหรอก แต่ทีนี้พอเรามองว่าเราต้องเร่งมันให้เร็ว มันก็เลยรู้สึกว่ามันช้า วันนี้ก็เร่งไป เดือนนี้ก็มีสูงขึ้นกว่าเดือนที่แล้ว ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ได้ตามเกณฑ์ แต่คิดว่าดีกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำไป เมื่อวานก็หารือกันใน ครม.แล้ว ก็ต้องไปดูว่ามันช้ากันตรงไหน มันมีทั้งงบประมาณของกระทรวง งบประมาณของส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น บางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ยังไม่ค่อยพร้อมนะ ไม่ค่อยพร้อม ทำแผนยังไม่ค่อยได้ และบางอันบริษัทห้างร้านก็ไม่สนใจ คือคำว่าไม่สนใจก็คือ อาจจะเป็นพื้นที่ที่ยากลำบากในการทำงาน และลงทุนนั้นได้กำไรน้อย ทำนองนี้ นี่คือปัญหาที่มันยึดโยงมาทั้งหมด คืออย่าไปมองว่า มันทุจริตอย่างเดียว เจ้าหน้าที่เกียร์ว่างอย่างเดียวมันไม่ใช่ มันต้องเกี่ยวพันหลายอย่าง ในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ ผมก็ให้ลดขั้นตอนลงไปหลายอย่างด้วยกัน เพื่อให้เร็วขึ้น ต่อไปต้องมาดูว่า บริษัทที่มาทำนั้นมีคุณภาพหรือไม่ มีผลงานอย่างไร ถ้าได้ก็ผ่านการประมูลไป และต้องไม่ทิ้งงาน บริษัทใดที่ทิ้งงาน หรือบริษัทใดที่มีผลประโยชน์กับฝ่ายบริหารก็ต้องสอบสวน เพราะตามกติกาแล้ว ท่านเป็นฝ่ายบริหารแล้วคงไปทำธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ ก็ต้องเลือกเอานะครับ ใครที่อาสามาเป็นฝ่ายบริหารแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นท้องถิ่นก็ต้องตัดตัวเองออกไปจากผลประโยชน์ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นมันก็เกิดปัญหา ไม่ทิ้งงานโดยเด็ดขาด ต้องสอบสวนลงโทษขึ้นบัญชีดำกันต่อไป
ในส่วนของการทำแผนของ อปท.วันนี้ได้สั่งการให้รัฐมนตรีมหาดไทย หรือแม้แต่กระทรวงอื่นๆ ที่เป็นเจ้าของงบประมาณ ลงไปช่วยดูแลว่าทำอย่างไรถึงจะทำได้ วันนี้อยากจะเรียนอย่างนั้นนะ ไม่ใช่ไม่มีคุณภาพ ทำอะไรก็ไม่สำเร็จซักอย่าง นี่แหละคือปัญหา ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยเอาใจใส่เรื่องเหล่านี้ เรื่องของการตรวจสอบ ความโปร่งใส เรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก มันทำได้หมด แต่ประสิทธิภาพมันออกมาไม่ดีไง วันนี้เราต้องการประสิทธิภาพดีทั่วถึง และเป็นรูปธรรม บางพื้นที่มันไม่เคยมีโครงการไปลง วันนี้เราเอาไปลง แต่พอไปลงปั๊บ บริษัทไม่อยากไปทำ เพราะมันไกล ไม่ได้ประโยชน์ ประโยชน์ไม่คุ้มค่า ต้องเสียสละกันบ้างนะครับ ช่วยกันสิครับ ถ้าบอกว่า ทุกอย่างเป็นความบกพร่องของรัฐบาลทั้งหมดมันไม่ได้ มากน้อยก็ไปทำกัน ช่วยกันอย่างน้อยคิดว่า ทำให้ประชาชน กำไรมันน้อยหน่อย แต่ท่านก็ได้ดูแลคนงานของท่าน ได้มีการซื้อเครื่องจักรเครื่องมือ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพอทำไม่ได้ทั้งหมดก็โยนกลับมา ทหารเอาไปทำ ทหารมันก็มีเครื่องมือจำกัดใช่ไหม เขาก็มีหน้าที่ของเขาด้วย ยินดีนะครับ ถ้ามีเวลา ถ้ามีเครื่องจักรเครื่องไม้เครื่องมือพอเพียง วันนี้เสียไปประมาณซัก 60% แล้วแหละเครื่องจักรทหาร ซึ่งจริงๆ แล้วมันใช้เฉพาะยามสงคราม วันนี้เรามาใช้ตั้งแต่หลายๆ ปีที่ผ่านมา ทั้งไปช่วยพัฒนา สร้างถนนหนทาง จริงๆ แล้วมันไม่ได้ทำแบบนี้หรอก ทหารมันทำถนนสั้นๆ ระยะสั้นๆ เพื่อใช้ในการเข้าตีร่นถอย ถอนตัวอะไรแล้วแต่ และการพัฒนาเล็กน้อย วันนี้ทุ่มเต็มที่ไปขุดคูคลองต่างๆ สมัยก่อนเราขุดแค่คูคลองจากรถถัง เพื่อในการรบ พอใช้มากๆ เข้า เครื่องจักรเครื่องมือมันก็เสียหาย
วันนี้ได้มีการพูดคุยกันว่า ต้องจัดหาส่วนหนึ่งให้ในการที่จะทดแทน ในการที่จะดูแลประชาชนในปีนี้ ในเรื่องของการดูแลประชาชนภาคการเกษตร การจัดการน้ำ เส้นทางถนนทุกพื้นที่เลย และพื้นที่ที่ไม่มีบริษัทมารับทำต้องไปดูให้อีก เวลามันก็จำกัดคับคั่ง งานมันเยอะ
เพราะฉะนั้นอยากให้ประชาชนเข้าใจในทุกประเด็น ไม่อย่างนั้นก็โทษกันไปโทษกันมา ผมถึงบอกว่าระบบเหล่านี้มันต้องไล่กันใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้มันทั่วถึงทุกพื้นที่ เพราะฉะนั้นประชาชนก็ต้องฟังนะครับ ฟังผมบ้าง ใครจะพูดอะไรผมไม่ไปห้ามท่านอยู่แล้ว แต่ฟังถึงการแสดงออกถึงความจริงใจของผมว่า ผมไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้ว วันนี้ยังไม่ต้องการอะไรซักอย่าง ไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า หรือก่อนเข้ามาไม่ได้ต้องการ เพราะฉะนั้นท่านจะเชื่อใครก็แล้วแต่นะ ผมคิดว่าบางท่านก็ดี บางคนเป็นดีด้วยอุดมการณ์ บางคนอาจจะไม่ดี และท่านคิดว่าเขามาดูแลท่านในงานศพ งานบวช งานแต่งงาน ไปถามท่านเหล่านั้นซิว่า ท่านไปทีเป็นหลายๆ งานท่านเอาเงินมาจากไหน เงินส่วนตัวหรือเปล่า หรือเอาเงินหลวงมา ถามเขาดู ถ้าเป็นเงินหลวงหรือเงินที่มาจากรัฐบาล ไม่ใช่ส่วนตัว แล้วใช้เยอะๆ ท่านเอามาได้อย่างไร ไปถามเขาดู พอดีผมไม่ทำแบบนั้น ส่วนตัวเองนั้นก็ถ้าไม่ทำธุรกิจอะไร แล้วรวย มีเงินไปจกชาวบ้านเยอะๆ ผมก็ไม่รู้เอามาจากไหนเหมือนกัน ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน อย่าไปใช้เงินสร้างอิทธิพล สร้างบุญคุณกับประชาชนที่ยากไร้ คนเหล่านี้เป็นคนไทยแท้ ใครให้ก็มีความกตัญญู แต่วันนี้ความกตัญญูที่ว่า ต้องไปดูว่า ที่เขาให้เอามาจากไหน มันเงินถูก หรือเงินผิด ถ้าเงินผิดมันก็เงินของเราไง เขาไม่ต้องมาแจกเราหรอก ก็เอามาลงทุนทำอะไรต่างๆให้มันเกิดประโยชน์ไม่ดีกว่าหรือ อยากจะฝากด้วยเรื่องนี้ อย่าคัดค้านกันอย่างเดียว โดยไม่มีเหตุมีผล แล้วก็ใช้กลุ่มเดิมๆ คนเดิมๆ แล้วก็ไปล้างสมอง ฝังชิป พูดอะไรก็ไม่ฟัง ไม่ได้นะครับ ปัญหามีมากมาย
วันนี้สิ่งที่เราต้องแก้ไขต่อไป คือปัญหาของการละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งของเขาของเรา การพัฒนาพันธุ์ การลดต้นทุน การสร้างชุมชนเข้มแข็ง สร้างสหกรณ์ เน้นเศรษฐกิจพอเพียง หลายแห่งมีปัญหา ในเรื่องของความโปร่งใส และเงินทุน การบริหารจัดการ มีปัญหาหมด กองทุนมีหลายกองทุนด้วยกัน บางกองทุนก็ใช้ประโยชน์ได้ดี บางคนก็ใช้ทางการเมือง ก็กำลังปรับ แน่นอนต้องมีคนไม่พอใจ ก็ฝากพี่น้องด้วยว่า ผมไม่อยากไปกยกเลิก แต่ต้องพิจารณาว่าไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนโดยตรง ให้เกิดประโยชน์ทางด้านคะแนนเสียงต่างๆ เหล่านี้มันสิ้นเปลืองงบประมาณ ต้องมีการรือ้ใหม่ ทำใหม่ จัดระเบียบใหม่ทั้งสิ้น
ในเรื่องของการฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีหลายรัฐวิสาหกิจซึ่งขาดทุน สถานการณ์ทางการเงินแย่ ที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้จริงสักที แล้วอ้างเหตุผลว่า มันต้องขาดทุน เพื่อบริการดูแลประชาชน ไม่มีกำไร มันไม่ใช่นะ ผมว่าอยู่ที่การบริหาร วันนี้ก็กำลังแก้ไขอยู่ หลายอย่างก็มีการต่อต้าน ไม่ยอมกัน ก็ขอร้องสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจ ปล่อยให้ล้มไปเลยก็ได้นะ ผมก็ปล่อยได้ ล้มไปเลย ท่านก็ไม่มีงานทำก็แล้วแต่ แต่ถ้าท่านปล่อยให้เรา หรือยอมให้เราแก้ไข ร่วมมือกับเรา วันนี้มันแย่อยู่ มันอาจจะเสียสิทธิ์อะไรไปบ้าง วันหน้าก็ดีขึ้น มันย่อมดีกว่าที่จะเสียหายไปเลยไม่ใช่หรือ ท่านก็จะไม่มีงานทำนะ ผมพร้อมนะครับ ถ้าท่านจะมาต่อต้าน ผมก็เลิกรื้อฟื้น เลิกฟื้นฟู ก็ขายทิ้งไป ใครจะมาบริหารก็บริหารไป ไปรบกับเขาเองก็แล้วกัน ผมก็ถามว่า แล้วท่านจะได้อะไรดีกว่าเดิมไหม ผมไม่รู้ ถ้าเป็นเอกชนบริหาร ในเรื่องเหล่านี้ส่วนใหญ่ถ้ายื่นซองขาวท่านก็ออกไป ไม่มีปัญหาเลย
บางอย่างผมก็พยายามที่จะเก็บเอาไว้ เป็นสมบัติของชาติ ของอนาคต มันยังมีช่องทางอยู่ ก็พยายามจะแก้ ผมยกตัวอย่างง่ายๆเลย การบินไทย ถ้าปล่อยไปก็ได้นะ ขายไปเลย เหมือนต่างประเทศเขาทำ แต่วันนี้เราก็ยังคิดอยู่ ว่ามันเป็นสายการบินแห่งชาตินะ เราสร้างมา มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีความนิยม ไม่ได้เสียหายอะไร มันเสียหายอยู่ในเรื่องการบริหารจัดการในช่วงที่ผ่านมา ภายใต้รัฐบาลเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ไม่ได้แก้กัน วันนี้ผมมาเป็นรัฐบาลก็พยายามแก้อยู่ แต่ผมก็ถูกต่อต้าน แต่ผมก็จะเดินหน้าของผมไปเรื่อยๆ ทุกเรื่อง เดินหน้าไป แต่ถ้ามันทำไม่ได้ขึ้นมาก็ปล่อยทิ้งไป ท่านก็ไปเป็นลูกจ้างเขาแล้วกัน ลูกจ้างเอกชนนะ ดูสิ ว่าอะไรมันจะดีกว่ากัน ความร่วมมือกันผมคงต้องขอบ่อยนะ ใครที่ออกมาพูดแล้วเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มันบกพร่องอยู่ตอนนี้ ผมขอร้องนะครับ ท่านออกมาพูดก่อนว่าท่านทำไว้มันเสียหายยังไง แล้วท่านอยากจะแก้ยังไง แล้วท่านแก้ไม่ได้ ท่านก็มาฝากผมทำต่อ อะไรอย่างนี้ผมรับได้ แต่ถ้าบอกว่าไม่พูดถึงสมัยท่านทำอะไรกันไว้ เสียหายหรือเปล่า แล้ววันนี้มาบอกว่าให้ผมทำอย่างนี้ ผมว่าไม่เป็นธรรมกับผมแล้วกันนะ เพราะฉะนั้นไปคิดเอาเองแล้วกันว่ามันถูกหรือไม่ถูก เดี๋ยวหาว่าผมบ่นอีก ผมก็เล่าให้ฟัง วันนี้อยากจะพูดให้ฟัง เล่าให้ฟังให้คนส่วนใหญ่มานั่งคิดทบทวนอย่างที่ผมคิดทุกวันว่าทำยังไงผมจะทำให้คนรักกันได้ ก็พยายามที่จะมีคนมายุแหย่ให้มันเกลียดกันอยู่ ไม่เข้าใจ เอาล่ะมาพูดเรื่องที่เป็นประโยชน์กันดีกว่านะ รัฐบาลได้ดำเนินการในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายเรื่องนะครับ เมื่อวันอังคารได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนันสนุนงานโครงการหลวง กปส. ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงริเริ่มไว้ตั้งแต่ปี 2512 สมัยก่อนพื้นที่เหล่านี้มีการปลูกพืชฝิ่นและพืชยาเสพติดจำนวนมาก ท่านก็ทรงเปลี่ยนการปลูกพืชเหล่านั้นให้มาเป็นพืชที่มันมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เป็นผลไม้ เป็นไม้เมืองหนาว วันนี้ไปมีแต่การปลูกพืชเมืองหนาว ท้อ บ๊วย สตรอเบอร์รี่ อะไรต่างๆ มีความเจริญ ชาวชนกลุ่มน้อย ชาวเขาก็มีสุข มีรายได้ปีละหลายแสนบาท วันนี้ก็เข้าไปสู่ระยะที่ 2-3 แล้ว ก็คือการวิจัยพัฒนาเพิ่ม ต่อยอด นำมาให้ประชาชนเรียนรู้ ขยายไปสู่ชุมชนอื่นๆ มีสถาบันต่างๆ มาร่วมมือมากขึ้น เป็นแหล่งท่องเที่ยว เยี่ยมเยือนของชาวต่างประเทศ ของคณะวิชาการต่างๆ เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขา เขาก็คนไทยนั่นล่ะ มีทั้งปลูกผัก ผลไม้ สตรอเบอรี วันนี้ก็มีการขยายพันธุ์สตรอเบอรีอีก ก็คงรออีกสักระยะหนึ่งก็คงจะมีพันธุ์ใหม่ออกมา สู้ต่างประเทศได้แน่นอน ผมไปชิมดูแล้ว หวาน กรอบ อร่อย หอมด้วยนะ มีกลิ่นหอม ก็รอนิดหนึ่ง
นี่ก็เรื่องผัก เรื่องเกษตรอินทรีย์ การบรรจุหีบห่อ ก็มีการปรับปรุงมาโดยตลอด วันนี้ก็เข้าถึงขั้นการส่งไปขายในจังหวัดต่างๆ และในสถานประกอบการหลายที่ ทั้งห้าง ทั้ง อ.ต.ก. ไม่เพียงพอด้วยซ้ำไป ผมก็ได้เรียนไปว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ไปขยายต่อ แล้วก็เพิ่มผู้ผลิตให้มากขึ้น ให้ไปปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม ก็เป็นสมาชิก ขยายฟาร์มออกไป วันนี้ก็มีเนื้อที่ประมาณ 2 หมื่นกว่าไร่ ประชาชน หรือเกษตรกร มีรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท ในแต่ละปี นี่เฉพาะเรื่องของสตรอเบอรีนะ ไม่กี่เดือนเอง 3 แสนกว่า แล้วที่เหลืออีกหลายเดือน ก็ไปปลูกผักบ้าง ไปปลูกพืชชนิดอื่นๆ บ้าง ไปรับจ้างบ้าง อะไรบ้าง นี่เป็นการสร้างงาน ก็อยากจะฝากให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ฝ่ายบริหารของรัฐบาล ข้าราชการ เอาแนวทางเหล่านี้ไปใช้ นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวท่านพระราชทานให้มานานแล้วนะ คิดดูแล้วกัน 2512 ตั้ง 40 กว่าปีมาแล้ว เอามาใช้กันสิครับ
สำหรับผลการประชุมครั้งนี้ ก็เป็นการพิจารณาคำของบประมาณปี 59 ผมก็สนับสนุนให้ไปทั้งหมดนะ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วที่รัฐบาลสนับสนุนไปก็เป็นโครงการขยายผลจำนวน 29 แห่ง 300 กว่าล้าน เท่านั้นเอง ในส่วนของโครงการเดิม 38 แห่ง 500 กว่าล้าน ก็ไม่ได้มากมาย เป็นการต่อยอด เป็นการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน สร้างสถานที่เรียนรู้ อย่างอื่นเลี้ยงตัวเองได้อยู่แล้ว อันนี้เราจำเป็นต้องสนับสนุนเพราะว่าโครงการพระราชดำริเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง เป็นโครงการแรกที่เราสามารถทำได้ ท่านก็ไม่ได้เอาไปให้ใคร ท่านก็ไปให้กับประชาชนทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่า วันนี้ถ้ากลับมาดูเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าเราดูประเทศไทยเทียบกับต่างประเทศ ประเทศที่มีตึกรามบ้านช่องสวยงาม แล้วบ้านเราก็ตึกรามบ้านช่องก็ขนาดเล็ก ไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้เป็นปราสาทราชวังเยอะแยะ ก็ต้องดูซิว่าพระมหากษัตริย์ของเรา ความจริงถ้าท่านไม่ต้องดูแลประชาชน ท่านก็เอาไปทำได้หมดล่ะ สร้างนี่สร้างโน่น พระเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จฯ ท่านรับสั่งว่า เราสร้างอะไรไม่ได้ เพราะประเทศเรายังไม่ค่อยมีสตางค์ ไปดูแลคนจนก่อน เมื่อคนจน ประชาชน เขาดีขึ้นแล้ว ค่อยไปสร้างอะไรใหญ่ๆ โตๆ นี่คือความแตกต่างบ้านเราไง พระมหากษัตริย์เราเป็นอย่างนี้ ถ้าต่างชาติ จะเห็นว่ามีปราสาทใหญ่ๆ เยอะ จำนวนมาก สมัยก่อนเขาต้องมีรายได้เยอะ มีเมืองขึ้น มีอาณานิคม มีอะไรต่างๆ ประเทศเราไม่มีอย่างนั้น ก็ต้องภูมิใจในความเป็นไทยนะ
ในส่วนของการสร้างศูนย์การเรียนรู้ อยากให้ไปต่อเนื่องกันทั้งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของทุกพระองค์นะ แล้วก็ของทหาร ของกระทรวง ทุกอย่างมันต้องต่อเนื่องเชื่อมโยงกันให้ได้ ทั้งมาฝึกงาน ฝึกวิทยากร หรือไปส่งเสริมการเรียนรู้ในหมู่บ้านเลย ไปตั้งไปสนับสนุนเป็นรายๆ ไปเลย ให้เขาเป็นตัวอย่างไปเลย ไม่ต้องมาสร้างใหม่ข้างนอก ถ้าบ้านนั้นทั้งบ้านมันมีสัก 5 บ้าน 10 บ้าน ปลูกพืชอย่างนี้แล้วรวย รอบๆ ที่เหลือเดี๋ยวก็ปลูกตามเองล่ะ ไม่อย่างนั้นเราไปโซนนิ่งยังไงก็ไม่เกิด ผมอยากให้เกิดแบบนี้ สั่งการไปทุกกระทรวงแล้ว ไปสร้างตัวอย่างขึ้นในหมู่บ้าน ทุกหมู่บ้านเลย มีอยู่ 7 หมื่นกว่าหมู่บ้านมั้ง ถ้าเราทำได้ มันก็น่าจะโอเคนะ ทุกหมู่บ้านก็ทำตามกันไป แต่ก็ระมัดระวัง อย่าให้มันมากมายจนเกินไป เดี๋ยวดีมานด์-ซัพพลาย ไม่ได้อีก ก็แบ่งๆ กันไปทำ
ในส่วนของรัฐบาลนั้น วันนี้เราต้องการจะยกระดับรายได้ ความเป็นอยู่ประชาชน ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร เป็นกระดูกสันหลังของชาติ วันนี้กระดูกสันหลังก็ค่อนข้างจะแย่เหมือนกัน มันต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเพาะปลูก เพิ่มมูลค่าสินค้า ลดต้นทุน ก็อยากให้ใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน การทำโซนนิ่ง ร่วมมือกับรัฐ ปรับพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ เหมือนกับที่อ่างขาง ภาคเหนือก็ปลูกพืชฤดูหนาว ไม้เมืองหนาวไป อะไรทำนองนี้ ภาคอื่นก็ไปปลูกพืชใช้น้ำน้อย มีราคาสูง ปลูกผัอออร์แกนิกส์ แล้วไปสร้างการทำปุ๋ย สร้างรายได้จากสหกรณ์ มีกลุ่มจัดทำปุ๋ยเอง ขายใช้กันเอง ราคามันก็ถูกขึ้น บางอย่างรัฐก็สนับสนุนให้อยู่แล้ว
เรื่องของการปฏิรูประบบชลประทาน การบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบ มันเป็นปัญหามายาวนานแล้ว ผมคิดว่า แล้วเราเสียเงินไปหลายรัฐบาลแล้ว วันนี้เราก็เอาทั้งหมดมาไล่ดูซิว่า มันต่อเนื่องเชื่อมโยงกันได้บ้างไหม หรือว่ามันแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม อะไรได้แค่ไหน ผมคิดว่ามันยังมีประสิทธิภาพน้อยนะ น้อยกว่าที่ควร เมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ลงไป เรามีเกษตรกรมากกว่า 30 ล้าน ประมาณ 20 ล้าน ที่อยู่ในระบบของชลประทาน พื้นที่มี 20 รู้สึกตัวเลขประมาณ 29 ล้านไร่ ซึ่งมันน้อยมาก เพราะฉะนั้นเราพยายามจะทำให้ถึง 50 - 60 ล้านไร่ ในปี 60 - 61 - 62 จะได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย ปีนี้ 58 -59 จากประมาณ 27 ล้าน ก็อาจจะทำให้ได้ประมาณสัก 30 - 32 ล้านคน หรือเนื้อที่เพิ่มมาประมาณ 30 ลัานไร่ ให้มันได้ นี่คือจะต้องปลูกพืชใช้น้ำมาก ปลูกข้าว ปลูกอะไรที่ต้องใช้น้ำ ปลูกพืช แบบผักบางชนิดต้องใช้น้ำเยอะ แต่ถ้าตรงไหนที่มันไม่ได้ต้องไปขุดบ่อ ขุดทำอ่างเก็บน้ำ อ่างน้ำสาธารณะไว้ ต้องแยกประเภทของงาน ให้ภารกิจในเรื่องของการป้องกันการขาดน้ำ เก็บกักน้ำ พร่องน้ำ ระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วม ใช่ไหม แล้วก็เพิ่มพื้นที่ชลประทาน อันนี้ทำทั้ง 3 - 4 อย่าง แล้วแต่ละอย่างก็จะแยกออกมามีงบประมาณ มีพื้นที่ที่ไหนบ้างตามลำดับความเร่งด่วน แล้วพื้นที่ไหนที่มันแล้งซ้ำซาก มันต้องแก้ไข ตรงไหนที่มันขาดแคลนน้ำประปา น้ำอุปโภคบริโภคก็สำคัญ ก็วันนี้ยังไม่ครบพื้นที่เลย ปีนี้เราเร่งไปอีกจำนวนเยอะพอสมควร ประมาณ 50 - 60 เปอร์เซ็นต์ ประปาหมู่บ้านเหล่านี้จะทำยังไง น้ำกินน้ำดื่มมันต้องมี มันต้องกินน้ำประปา มันไม่ได้ ก็เร่งรัดว่าในปี 62 เราน่าจะมีประปาท้องถิ่น ประปาหมู่บ้านครบทุกหมู่บ้าน นี่ยังไม่ครบเลยนะ แล้วก็เรื่องของการขุดน้ำตามไร่นา ใช่ไหม หรือจะเก็บน้ำไว้ยังไงในนาข้าว แนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และก็การเจาะบ่อบาดาล ทั้งรัฐเจาะให้ หรือจะเจาะเอง จะช่วยเงินยังไงไหม อะไรยังไงไปดูกันทั้งหมด ในเรื่องของการลดต้นทุนก็ไปดูตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ทำเมล็ดพันธุ์เพิ่ม ขายราคาถูก ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ รัฐทำ ประชาชนทำ สหกรณ์ทำ ราคามันก็ถูกลง ขายกันเอง ต่อไปเรื่องเช่าที่ดินเดี๋ยวกำลังให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปจัดจดทะเบียนให้ชัดเจนขึ้น ใครทำเอง ใครเช่า เช่ามันก็อีกอย่างหนึ่ง เช่าบางทีค่าเช่าก็คุมไม่ได้อีก ต่อไปก็ไปดูเรื่องของขั้นตอนการไถ่ การหว่าน การเก็บเกี่ยว การสี ทั้งหมด วันนี้ชาวนาเราคนทำน้อย มีแต่พ่อแม่ คนสูงอายุ ลูกหลานเข้าเมืองกันไปหมด มันก็เลยต้องไปเช่าเขาทำไง ก็จ่ายเงินทั้งหมด เพราะฉะนั้นรวมไปก็ลงทุนมหาศาล 6,000 7,000 มาขาย 8,000-9,000 หลายเดือนจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ เหล่านั้นมันเป็นปัญหาทั้งหมด เราเอามาคิดทั้งหมดทั้งระบบ แต่มันยากในการที่จะทำ ก็ให้ทุกกระทรวงเร่งกันอยู่ ตังค์ไม่พอ ทำยังไง ถ้าลดต้นทุนได้มันก็ขายได้ กำไรมันก็มากขึ้น แต่มันก็ยังไม่พอ ผมดูแล้ว รายได้ของเกษตรกรน่าสงสาร น้อยเกินไป เดี๋ยวต้องไปปรับระบบการขาย การตลาด ทุกอย่างเลย ยาง มีปัญหาหมด ลงไปแทรกให้มีการจัดซื้อ ก็อ้างว่ามีการทุจริตกันอีกแล้ว ก็กำลังไล่บี้กันอยู่ เร่งให้ทัน พี่น้องเกษตรกรยางก็ใจเย็น
ต่อไปในเรื่องของความมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน กำหนดได้ตามวิสัยทัศน์ มันต้องทุกอย่างเลยนะ มั่นคงทุกอย่าง คำว่ามั่นคง เอาง่ายๆ บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ปลอดภัย ไม่มีโจร ผู้ร้าย มั่งคั่งก็ทุกคนต้องมั่งคั่งตามฐานันดรของตัวเอง ด้วยการบูรณาการ การบริหารจัดการน้ำ อาชีพ การศึกษา รายได้ ให้มีความสมดุลระหว่างกัน ในเรื่องของการบริหารจัดการ เรื่องของการใช้น้ำ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ปัจจัยอื่นๆ ด้วยที่มีผลกระทบ
ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำนี่สำคัญ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกร เราทำอย่างเป็นระบบก่อน คณะกรรมการ คสช.ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว วันนี้ก็ส่งแผนมาเข้า ครม. รัฐบาลรับทราบ อนุมัติแล้ว ก็จะทำต่อไปเรื่อยๆ ตามเงินที่มีอยู่ ไม่ได้กู้มาทั้งหมด บางส่วนอาจจะมีบ้างนิดหน่อย เดี๋ยวรับทราบกันต่อไปแล้วกัน
สิ่งสำคัญใน 10 ปีนี้ เราก็จะแก้ปัญหาอย่างนี้ เรื่องน้ำ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ภาคการผลิต สำหรับภาคเกษตรกรรม ได้แก่การเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล โครงการชลประทานที่มีอยู่เดิม การจัดการด้านความต้องการน้ำในพื้นที่ 5.8 ล้านไร่ การพัฒนาแหล่งน้ำใหม่ และพื้นที่ชลประทาน การฟื้นฟูแหล่งน้ำ และทางด้านธรรมชาติ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำ และ 15,688 แห่ง การสนับสนุนและส่งเสริมปัญหาน้ำในนาสำหรับทำการเกษตร ตามคำร้องขอราษฎรจำนวน 270,000 บ่อ รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนอีก 1,715 แห่ง เพื่อให้เกิดความทั่วถึง
สำหรับส่วนภาคอุตสาหกรรมนั้น ก็มีแผนจะพัฒนาโครงการ โครงข่ายน้ำภาคตะวันออก ใช้งบประมาณ 5,190 ล้านบาท ในปี 2558 นี้ เพื่อจะพัฒนาแหล่งน้ำ สนับสนุนแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.แม่สอด จ.ตาก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อ.สะเดา จ.สงขลา และก็มีการพัฒนาแหล่งน้ำอุปโภค บริโภค สนับสนุนภาคบริการ และการท่องเที่ยวเกาะช้าง จ.ตราด เกาะพะงัน สุราษฎร์ธานี ในปี 2559 อีกด้วย ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค ได้จัดหาแหล่งน้ำ และพัฒนาประปาหมู่บ้านจำนวน 7,490 หมู่บ้าน จัดหาแหล่งน้ำที่สะอาด แหล่งน้ำบาดาลให้โรงเรียน ชุมชนกว่า 6,000 แห่ง การปรับปรุงสิทธิภาพประปาชนบท 9,093 หมู่บ้าน และการพัฒนาขยายเขตประปาเมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ 255 แห่ง ทั้งหมดรัฐบาลได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว และจะรีบให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด มีแผนปี 58 หลังปี 59 ไปแล้วไปต่อ 60 61 62 ก็ว่าไป ตามงบประมาณหรือตามแผน การใช้จ่ายประจำปีต่อไป ทุกรัฐบาลไปต่อให้เรียบร้อย
ในเรื่องของการป้องกัน และการบรรเทาอุทกภัย ได้แก่ ระบบป้องกันน้ำท่วมในเขตเมือง ซึ่งมันท่วมมาหลายแห่งทำให้ทรัพย์สินเสียหาย วันนี้ตรวจสอบมาแล้วจำนวน 185 แห่งที่ไหนบ้างไปดูกัน การฟื้นฟูแหล่งน้ำสายหลักและสาขาด้วยการขุดลอก ซึ่งทุกลำน้ำเพิ่มอัตราการไหล รวมระยะทางประมาณ 920 กิโลเมตร การเพิ่มประสิทธิภาพทางระบายน้ำ ทางผันน้ำ ลดความเสียหายจากน้ำท่วมใน 8 ลุ่มน้ำวิกฤต เช่น ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จ.ปราจีนฯ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตะวันออกตอนล่าง การพัฒนาพื้นที่รับน้ำนองจำนวน 2 แห่ง ตอนเหนือ ตอนใต้ จ.นครสวรรค์ ที่มีประสิทธิภาพในการชะลอน้ำหลาก และการจัดทำและปรับปรุงผังเมือง เพื่อป้องกันอุทกภัยจำนวน 15 ลุ่มน้ำทั่วประเทศ การป้องกันและแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ การลดมลพิษจากแหล่ง 22 ลุ่มน้ำให้มีคุณภาพน้ำในเกณฑ์ที่ใช้ประโยชน์ได้ การพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย 284 แห่ง ให้ได้คุณภาพน้ำตามเกณฑ์มาตรฐาน การจัดสรรน้ำ ผลักดันน้ำเค็มในช่วงฤดูแล้ง น้ำทะเลหนุนจาก 5 เขื่อนหลัก เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสัก เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ และ 4 ลุ่มน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำแม่กลอง และการฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำ และป้องกันการพังทลายของดิน ได้แก่ การพัฒนาพื้นที่ป่าต้นน้ำ 4.77 ล้านไร่ การป้องกันการกัดเซาะ การทำลายหน้าดิน พื้นที่เกษตรลาดชันได้ 9.475 ล้านไร่ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ จะแบ่งเป็น ระยะเร่งด่วนปรับปรุงสถานี Base Station เพิ่มประสิทธิภาพระบบโทรมาตร ปรับปรุงศูนย์ระบบป้องกันน้ำท่วม รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องระยะยาว ได้แก่การที่ผิดกฎหมาย แม่บทแห่งการบริหารจัดการน้ำของประเทศ เพื่อจะกำหนดทิศทางการพัฒนาอย่างเป็นระบบ การศึกษาวิจัย การบำรุงโครงสร้างหน่วยงานปฏิบัติ รวมทั้งการพัฒนาข้อมูลคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม กลไกแห่งความสำเร็จต่างๆ ในภาพรวมนั้น ต้องการการมีส่วนร่วมในการกำหนดความต้อง และตรวจสอบประเมินผลร่วมกับภาคเอกชน ภาคประชาชนด้วย ในโครงการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมในห้างสรรพสินค้า ในเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดิน เรามุ่งเน้นการส่งเสริมธรรมาภิบาล รัฐบาลต้องการยกระดับให้ดำเนินการเชิงรุกกับประชาชน ถือว่าเป็นการคืนความสะดวกให้กับประชาชน เป้าหมายคือ คุณต้องสามารถเข้าถึงกรรมการต่างๆ ของภาครัฐได้สะดวก ง่ายขึ้นบนพื้นฐานของ One Stop Service นะครับ
ทั้งนี้ ได้มีการรวมศูนย์บริการร่วมหน่วยงานภาครัฐไว้ในห้างสรรพสินค้า ให้การบริการทุกวันตามเวลาของแต่ละห้าง ไม่ใช่ระบบราชการ ต้องขอขอบคุณความร่วมมือของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ในการสนับสนุนพื้นที่ให้กับโครงการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยประเดิมเปิดให้บริการสาขาแรก ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โซนจิวเวอรีชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะขยายผลไปอีกทั้ง 13 สาขาใน กทม. และภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ก็จะเป็นโครงการนำร่อง เป็นการบูรณาการงานบริการของ 5 หน่วยงานรัฐคือ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ กรมการจัดหางาน กรมการขนส่งทางบก สำนักงานประกันสังคม และกรุงเทพมหานครไว้บริการ ณ ที่เดียวกัน รวมถึงงานทะเบียนราษฎร บัตรประจำตัวประชาชน การชำระภาษีรถยนต์ การเปลี่ยนใบอนุญาตขับขี่ รายละเอียดของการให้การบริการต่างๆ เหล่านั้น สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กของศูนย์ ตามลิงก์หน้าจอ
สำหรับผลการดำเนินงานใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ได้รับความสนใจอย่างดีทั้งมาขอรับบริการ สอบถามข้อมูล แสดงความต้องการเพิ่มเติมจากหน่วยงานของรัฐเฉลี่ยมากกว่า 300 คนต่อวัน สำหรับศูนย์ดำรงธรรมยังคงเปิดอยู่นะครับ ให้บริการอยู่เช่นเดิม ก็เป็นที่น่าพอใจ แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้มากกว่า 93% แล้วในขณะนี้ จะขยายความต้องการ ขยายขอบเขต ปรับปรุงการให้บริการให้ทันสมัยขึ้นในอนาคต และจะมีแผนให้หน่วยงานรัฐต่างๆ ได้มีการพัฒนาการดำเนินการต่างๆ ให้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้มีความสะดวก ลดขั้นตอน ลดระยะเวลาให้กับพี่น้องประชาชนด้วย อันนี้พร้อมจะรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะต่างๆ ค่อยเป็นค่อยไปบ้าง อันนี้เราทำทันทีทุกอย่างๆ มันก็เยอะไปหมดเลย บางอย่างก็ช้าบ้างเร็วบ้าง
เรื่องขยะมูลฝอยของเสียอันตราย รัฐบาลประกาศไปแล้วว่า เรากำหนดว่า การจัดการขยะมูลฝอยต้องเป็นวาระแห่งชาติ เพราะขยะปีหลายล้านตัน ค้างอยู่หลายแสนที่เก็บไม่ได้ เก็บได้อะไรเหล่านี้ เพราะฉะนั้นได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรฯ ไปทำโรดแมปแล้วว่า จะจัดการอย่างไรขยะมูลฝอย และของเสียอันตรายจะทำอย่างไร ขับเคลื่อนให้ทุกคนได้ร่วมกันนะครับ วันนี้ได้เร่งกำจัดขยะมูลฝอยค้างเก่าใน 6 จังหวัดวิกฤต เช่น ปทุมธานี สมุทรปราการกำจัดไปแล้วกว่า 8 ล้านตัน เห็นไหมมากขนาดนั้น ในพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สระบุรี ลพบุรี กำจัดไปแล้วกว่า 1.3 แสนตัน โดยการฝังกลบ หรือร่วมกับเอกชน หรือร่อนขยะมูลฝอยเพื่อจะผลิตเป็นแท่งเชื้อเพลิงอาร์ดีเอฟ ป้อนเข้าสู่เตาเผาปูนซีเมนต์ หรือเตาเผาเพื่อผลิต อันนี้มันไม่เคยทำมาเลย เราทำให้ได้ การแก้ปัญหาขยะมูลฝอยระยะยาว รัฐบาลนี้ใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสาน ให้ความสำคัญกับการแปรรูปขยะวัสดุเหลือใช้ให้เป็นพลังงาน มีเป้าหมายตั้งโรงผลิตไฟฟ้าจากการแปรรูปขยะมูลฝอยจำนวน 53 แห่งทั่วประเทศ ถ้าเราไม่ฝังกลบไม่เอามาใช้มาเป็นต้นทุนพลังงาน มันก็เลอะอยู่แบบนี้เพราะมันขจัดไม่ได้ทั้งหมด พอเผาไปแล้วมันก็โอเค มันก็สลายไปได้ประโยชน์ด้วย อย่าขัดขวางเลยแล้วกัน ทั้งในการก่อสร้าง เป็นเทคนิคเทคโนโลยีสมัยใหม่แล้ว ก็ไม่ให้สร้างมลพิษ ไม่ให้สร้างอันตรายกับประชาชนในพื้นที่ ดูแลประชาชนในพื้นที่ เพื่อจะให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ ทั้งสิ้นจาก 53 แห่งที่จะสร้าง ถ้าสร้างได้สำเร็จก็จะผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 227.58 เมกะวัตต์ เยอะพอสมควร ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 2 แห่ง ที่ภูเก็ต กับสงขลา ก็ผลิตได้ 25.7 เมกะวัตต์ กำลังก่อสร้างอยู่อีก 3 แห่ง กรุงเทพฯ ขอนแก่น พัทลุง ทุกจังหวัดควรจะต้องมีแล้ว มันแก้ปัญหาการขาดแคลน และแก้ปัญหาไฟตก ไฟดับ ระยะยาว ความมั่นคง ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างลงนามสัญญาอีก 2 แห่ง ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ระยอง กำลังศึกษาความเหมาะสมที่ ลำพูน และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 45 แห่ง มาช่วยกัน มาหารือกัน สร้างความเข้าใจที่ดี ไม่อย่างนั้นก็สร้างได้ สร้างไม่ได้ แล้วเราก็ขาดแคลนไปเรื่อยๆ จะทำอย่างไร ฝากนักสิทธิมนุษยชนด้วย ช่วยกันคุย ช่วยกันดู ถ้าเราดูแลดีทุกอย่าง มันก็ไม่เกิดพิษเกิดภัย เกิดประโยชน์ในพื้นที่ด้วย ทุกโรงงานต้องดูแล ตอบแทนคนที่อยู่รอบๆ เขาดูแลอย่างไร ที่ผ่านมาผมทราบว่าเขาไปดูแลผ่านทาง อบต. อบจ. เขาให้สตางค์ไปนะ คราวนี้ไปถึงประชาชนหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ มันก็เลยค้างอยู่อย่างนี้ ก็ไปดูว่าเขาให้มามันได้ประโยชน์ไหม เงินเหล่านี้ต้องถึงประชาชน ไปทำอย่างอื่นไม่น่าจะดี
มาตรการในเรื่องของการแก้ไขปัญหาขยะ ได้ดีที่สุดก็คือการสร้างวินัยของคนในชาติ ได้ให้ทั้งกระทรวงทรัยยากรฯ กระทรวงศึกษาธิการ ปลูกฝังจิตสำนึก ให้ความรู้การลด คัดแยกขยะ จัดการขยะ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ส่งเสริมสถานศึกษาเรื่องกิจกรรมลด คัดแยกขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์
ในเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ปัจจุบันกระแสอนุรักษ์ก็แรงนะ สิ่งแวดล้อมแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลทั่วโลก วันนี้ทุกเวทีก็หารือกันเรื่องนี้มาโดยตลอด ก็ทำให้เต็มที่ ผมก็ไม่ลืมเลยนะว่าต้องสร้างความตระหนักรู้ให้ทุกฝ่ายได้เห็นความสำคัญของการพัฒนา ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ วัตถุทางเลือก มีการรีไซเคิล เช่น ชานอ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม ผักตบชวา ฟางข้าว เป็นบรรจุภัณฑ์ปลอดสารพิษต่อสิ่งแวดล้อม ก็เพิ่มมูลค่าเศษวัสดุด้วย ช่วยกันทำ ช่วยกันซื้อ ช่วยกันใช้นะ ข้อดีก็ไม่มีสารก่อมะเร็ง ย่อยสลายได้ 45 วัน เป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ด้วย ทนความร้อน ทนน้ำ ทนน้ำมัน เข้าไมโครเวฟก็ได้ ต่างจากขยะพลาสติก ใช้เวลาถึง 450 ปี โฟมใช้เวลานับพันปีในการย่อยสลาย ฉะนั้นเราทิ้งโฟม พลาสติก ปริมาณ 61 ล้านใบต่อวัน ตัวเลขเหล่านี้น่ากลัวนะ ต้องช่วยกันลด ช่วยกันเลิกใช้พลาสติก เลิกใช้โฟม เพราะเป็นปัญหาในอนาคตเป็นพันปี ไปคิดนะ เป็นขยะฝังกลบก็ไม่ย่อยสลาย เผาก็เป็นอันตราย แก๊สพิษอีก โลกร้อน ทิ้งไม่ถูกวิธี ปัญหาเยอะแยะ อุดตันท่อระบายน้ำ เสียทัศนียภาพ และปีนี้เป็นปีครบ 5 รอบ ของสมเด็จพระเทพฯ อยากให้ทุกคนตั้งใจทำความดี ว่าต่อไปนี้จะไม่ใช้โฟม ต่อไปนี้จะไม่ใช้กล่องพลาสติก ถุงพลาสติก เพื่อจะให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถวายเป็นพระราชกุศล ผมว่าเหล่านี้มันดีกับคนทั้งประเทศเลย ผมเคยบอกไว้ วันสำคัญๆ ไม่ใช่วันสำคัญเลี้ยงฉลอง แล้วก็จบ ไม่ใช่ วันสำคัญตั้งตัว ตั้งใจ ว่าจะทำอะไรที่มันดีๆ ให้กับตัวเอง ให้กับครอบครัว ให้กับประชาชน ถ้าคิดอย่างนี้ทุกวัน ประเทศไทยไปก้าวหน้าแน่นอน ร้านค้าทุกแห่งในอุทยานแห่งชาติ วันนี้ก็เยอะนะ เพราะมันไปไม่ค่อยสะดวก ต้องเดินไป ต้องขึ้นรถเล็กไป รวมไป ก็เอาถุงพลาสติกขึ้นไป ใช้แล้วก็ทิ้งเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย วันนี้ทางกระทรวงทรัพย์ฯ เขาก็แจ้งมาว่าไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน คนเยอะ ก็ฝากดูแลด้วยนะ
วันนี้นักท่องเที่ยวเข้ามา เครื่องบินลงมา 500 กว่าเที่ยว มีพี่น้อง ประชาชน ต่างประเทศ จากจีนบ้าง อะไรบ้าง ญี่ปุ่น ต่างประเทศ หลายประเทศ มา 5 แสนกว่าคน ไม่กี่วันมานี้ แน่นไปหมดเลย กรุงเทพฯ วัดวาอาราม ก็ไปห่วงเรื่องห้องน้ำ ห้องส้วม และความปลอดภัย ช่วยดูแลด้วยนะ ที่เยอะๆ คนเยอะๆ ห้องน้ำมันก็ต้องจำเป็น เพราะฉะนั้นห้องน้ำนี่อย่าไปปล่อยให้เขาดูแลเอง ไม่ได้ มันต้องมีคนรับผิดชอบทุกห้องน้ำ มีน้ำให้เพียงพอ มีกระดาษ มีอะไรก็แล้วแต่ ให้การบริการไป และมีคนเฝ้า อย่าปล่อยให้มันอีเหละเขะขะ วันหน้าเขาก็ไม่มาอีก อย่าทำอะไรเพื่อวันเดียว หรือห้วงเดียวที่ได้กำไร แล้วก็เลิก ไม่ใช่ มันเป็นชื่อเสียงของประเทศ วันนี้ จากวันนี้ในเมื่อเราจะเร่งรัดเรื่องการท่องเที่ยว ท่านทำเรื่องเหล่านี้ให้มันดี ห้องน้ำ ห้องส้วม สะอาด อาหารราคาเหมาะสม อร่อย ไม่เอาเปรียบคน สินค้ามีคุณภาพ ไม่โกง ไม่หลอกเขา อะไรต่างๆ เหล่านี้มันจะทำให้คนมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้นๆ เรื่อยๆ วันนี้ถ้ามากเกินไป ก็เป็นปัญหาอีก เพราะว่ามันเกินปริมาณ วันนี้ก็แน่นไปหมดเลยทุกที่ จะทำยังไงให้มันเกิด อาจต้องมีชิวบ้างอะไรบ้างผมไม่รู้นะ เดี๋ยวก็มีปัญหาในเรื่องการท่องเที่ยวอีก วันนี้ก็แน่นไปทุกที ถ่ายรูปผมไม่รู้จะถ่ายติดกันหรือเปล่า ถ่ายตัวเองเห็นคนอื่นเต็มไปหมด หัวชนกันหมดเลยทุกที เนี่ยเขารักประเทศไทย แล้วทำไมประเทศไทยคนไทยด้วยกันไม่รักคนไทยด้วยกัน ไม่รักประเทศไทย ผมไม่เข้าใจ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ