ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กระทรวงพลังงาน เดินหน้านำร่องดันจังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระบุภูเก็ตมีความต้องการใช้ไฟฟ้า 2,177 ล้านหน่วย มากเป็นระดับ 2 ของภาคใต้ รองจากจังหวัดสงขลา จำเป็นต้องรณรงค์เข้ม
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (8 พ.ค.) ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมืองภูเก็ต นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดการสัมมนา “ภูเก็ตนำร่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ” โดยมี นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) นายสุธี ทองแย้ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ผู้บริหารจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพลังงาน ผู้แทนจากหอการค้า อุตสาหกรรมและพลังงานจังหวัด ผู้แทนผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจัดสัมมนา ภูเก็ตนำร่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพครั้งนี้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในระดับจังหวัด ซึ่งภูเก็ต นับเป็นจังหวัดที่มีจุดเด่น คือ เรื่องการท่องเที่ยว และมีผู้ประกอบการภาคธุรกิจโรงแรมที่มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากภาคธุรกิจ และการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น โดยปัจจุบัน จังหวัดภูเก็ตมีความต้องการใช้ไฟฟ้า 2,177 ล้านหน่วย มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 300 เมกะวัตต์ และที่สำคัญมีการใช้ไฟฟ้าเป็นระดับ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ รองจากจังหวัดสงขลา ซึ่งการรณรงค์ฯ ในครั้งนี้ กระทรวงพลังงาน เชื่อว่าจะสามารถนำมาตรการประหยัด และเครื่องมือสนับสนุนทางการเงินต่างๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในจังหวัดภูเก็ตมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากภาพรวมการใช้พลังงานในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด พบว่า มีการใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 9% ของทั่วประเทศ โดยมีกำลังผลิตที่ระดับ 3,182 เมกะวัตต์ และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ รวมถึงความจำเป็นในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งยังต้องอาศัยไฟฟ้าจากภาคกลาง และส่งไปเสริมในบางช่วงเวลา กระทรวงพลังงาน จึงต้องการขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ในการอนุรักษ์พลังงาน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป
สำหรับการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านมาตรการด้านการเงิน และการลงทุนเพื่ออนุรักษ์พลังงานที่กระทรวงพลังงานได้มานำร่องแนะนำผู้ประกอบการภาคธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ เช่น ส่งเสริมการลงทุนผ่าน ESCO FUND แนวคิดคือ การเข้าร่วมลงทุนกับภาคเอกชนในโครงการที่มีศักยภาพแต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้จากสถาบันการเงิน ปัจจุบันได้เปิดโครงการในระยะที่ 4 วงเงิน 500 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการระหว่างเดือนเมษายน 2558 ถึงเมษายน 2560 การสนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน (Direct Subsidy) โดยจะสนับสนุนเงินลงทุน 20% (กลุ่ม SME 30%) อัตราสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะเปิดรับสมัครถึง 31 ก.ค.2558 นี้ โดยหากสนใจมาตรการด้านการเงินดังกล่าวสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dede.go.th.
นายอารีพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากการจัดสัมมนาให้ข้อมูลด้านการอนุรักษ์พลังงานและเครื่องมือเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดังกล่าวนี้แล้ว กระทรวงพลังงาน ยังได้มีโอกาสนำสื่อมวลชนร่วมติดตามโครงการด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้แก่ การเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าขยะของเทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะของเสียพื้นที่จังหวัด การปรับเปลี่ยนหลอดประหยัดพลังงาน LED ในถนนสายเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน รวมไปถึงการเยี่ยมชมโมเดลการใช้น้ำมัน E85 สำหรับเรือบริเวณอ่าวมารีน่าเบย์ เป็นต้น
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (8 พ.ค.) ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมืองภูเก็ต นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดการสัมมนา “ภูเก็ตนำร่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ” โดยมี นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) นายสุธี ทองแย้ม รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ผู้บริหารจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพลังงาน ผู้แทนจากหอการค้า อุตสาหกรรมและพลังงานจังหวัด ผู้แทนผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจัดสัมมนา ภูเก็ตนำร่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพครั้งนี้ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการรณรงค์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในระดับจังหวัด ซึ่งภูเก็ต นับเป็นจังหวัดที่มีจุดเด่น คือ เรื่องการท่องเที่ยว และมีผู้ประกอบการภาคธุรกิจโรงแรมที่มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากภาคธุรกิจ และการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น โดยปัจจุบัน จังหวัดภูเก็ตมีความต้องการใช้ไฟฟ้า 2,177 ล้านหน่วย มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดประมาณ 300 เมกะวัตต์ และที่สำคัญมีการใช้ไฟฟ้าเป็นระดับ 2 ในพื้นที่ภาคใต้ รองจากจังหวัดสงขลา ซึ่งการรณรงค์ฯ ในครั้งนี้ กระทรวงพลังงาน เชื่อว่าจะสามารถนำมาตรการประหยัด และเครื่องมือสนับสนุนทางการเงินต่างๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานในจังหวัดภูเก็ตมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จากภาพรวมการใช้พลังงานในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด พบว่า มีการใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 9% ของทั่วประเทศ โดยมีกำลังผลิตที่ระดับ 3,182 เมกะวัตต์ และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงประมาณ 3,000 เมกะวัตต์ รวมถึงความจำเป็นในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งยังต้องอาศัยไฟฟ้าจากภาคกลาง และส่งไปเสริมในบางช่วงเวลา กระทรวงพลังงาน จึงต้องการขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ในการอนุรักษ์พลังงาน และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงระบบไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป
สำหรับการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านมาตรการด้านการเงิน และการลงทุนเพื่ออนุรักษ์พลังงานที่กระทรวงพลังงานได้มานำร่องแนะนำผู้ประกอบการภาคธุรกิจในจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ เช่น ส่งเสริมการลงทุนผ่าน ESCO FUND แนวคิดคือ การเข้าร่วมลงทุนกับภาคเอกชนในโครงการที่มีศักยภาพแต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้จากสถาบันการเงิน ปัจจุบันได้เปิดโครงการในระยะที่ 4 วงเงิน 500 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการระหว่างเดือนเมษายน 2558 ถึงเมษายน 2560 การสนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อนุรักษ์พลังงาน (Direct Subsidy) โดยจะสนับสนุนเงินลงทุน 20% (กลุ่ม SME 30%) อัตราสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะเปิดรับสมัครถึง 31 ก.ค.2558 นี้ โดยหากสนใจมาตรการด้านการเงินดังกล่าวสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dede.go.th.
นายอารีพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากการจัดสัมมนาให้ข้อมูลด้านการอนุรักษ์พลังงานและเครื่องมือเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานดังกล่าวนี้แล้ว กระทรวงพลังงาน ยังได้มีโอกาสนำสื่อมวลชนร่วมติดตามโครงการด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้แก่ การเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าขยะของเทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งถือเป็นการใช้ประโยชน์ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะของเสียพื้นที่จังหวัด การปรับเปลี่ยนหลอดประหยัดพลังงาน LED ในถนนสายเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน รวมไปถึงการเยี่ยมชมโมเดลการใช้น้ำมัน E85 สำหรับเรือบริเวณอ่าวมารีน่าเบย์ เป็นต้น