สุราษฎร์ธานี - ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ รุดตลาดปักษ์ใต้ ตั้งเป้ายอดสั่งซื้อ เฉพาะสุราษฏร์ฯ 5 - 10 % ระบุคุณลักษณะพิเศษทางภูมิศาสตร์เรียกว่า “ตะวันอ้อมข้าว”
นายสุทธินันท์ บุญมี ผวจ.อำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ได้นำผู้ประกอบการโรงสีผู้ผลิตข้าวหอมมะลิจาก จ.อำนาจเจริญ มาพบปะเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจร้านค้า ผู้ค้าส่งใน จ.สุราษฏร์ธานี และยังได้นำสินค้ามาวางแสดงโชว์และเพื่อจำหน่ายที่ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซ่า สุราษฏร์ธานี วันนี้ ( 22 เม.ย.เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตข้าวหอมมะลิได้พบกับผู้ซื้อโดยตรง โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดตลาดข้าวหอมมะลิของ จ.อำนาจเจริญ มายังพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิเช่น จ.สุราษฏร์ธานี จ.ภูเก็ต จ.ชุมพร และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น
สำหรับข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญนั้นมีคุณลักษณะที่พิเศษคือ จ.อำนาจเจริญมีที่ตั้งอยู่บนเส้นรุ้งที่ 16 01 N เส้นแวงที่ 104 36 E เป็นที่ตั้งสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เรียกว่า “ตะวันอ้อมข้าว” ประกอบกับสภาพภูมิประเทศ เป็นที่ราบเขา ดินร่วน ปนทราย มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล ประมาณ 138 เมตรส่งผลให้มีปริมาณแสงแดด ฝน และดิน เหมาะสมมีผลดีกับต้นข้าวหอมมะลิ
ทั้งนี้ต้นข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญมีระยะพลับพลึง ในช่วงวันที่ 15-20 พฤศจิกายน เริ่มเก็บเกี่ยวช่วง 20 - 25 พ.ย. โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคม น้ำในนาจะงวด คือค่อยๆแห้ง ขณะที่ต้นเดือนพฤศจิกายน น้ำในนาจะเหือดแห้ง ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ต้นข้าวหอมมะลิดูดสารอาหารมาเก็บไว้ในเมล็ดได้อย่างเต็มที่ซึ่งชาวนาเรียกว่า “ข้าวดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อสืบทอดเมล็ดพันธุ์” ขณะที่จังหวัดอื่นๆในช่วงเดือนตุลาคมนั้นยังมีน้ำแช่ต้นข้าวอยู่ไม่มีสภาวะที่ข้าวต้องดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อดูดสารอาหารเข้ามา จึงทำให้ข้าวหอมมะลิอำนาเจริญสร้างช่อรวงอ่อน บ่มเมล็ดในรวง ทำให้เมล็ดข้าวแกร่ง สวย สมบูรณ์ เมื่อหุงเมล็ดข้าวขยายความยาวออกมา มีกลิ่นหอมธรรมชาติ และนุ่มเป็นพิเศษ เมื่อหุงแล้วจะมีสีเขียวอ่อนๆ กลิ่นหอมมะลิ จนได้รับรางวัลประกวดระดับประเทศตั้งแต่ปีการผลิต 2539 - 2557 รวม 16 รางวัล
นายสุทธินันท์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน จ.อำนาจเจริญมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมมะลิจำนวน 8 แสนไร่ มีผลผลิตแต่ละปีจำนวนประมาณ 3.2 แสนตัน การนำข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญมาเปิดตลาดใน จ.สุราษฏร์ธานีในครั้งนี้ตั้งเป้าว่าจะมียอดสั่งซื้อประมาณ 5-10 % ของยอดการผลิตในแต่ละปี
