ชุมพร - ตำรวจทางหลวงชุมพร จับชาวโรฮิงญา 14 คน ถูกแก๊งค้ามนุษย์พาหลบหนีมากับรถยนต์กระบะแฝงตัวมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีนักท่องเที่ยวสัญจรจำนวนมาก ส่วนคนขับจวนตัวทิ้งรถวิ่งหลบหนีเข้าป่ารอดหวุดหวิด
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (12 เม.ย.) พ.ต.ต.สุพัฒน์ โชติไกรสิทธิ์ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 2 ชุพร (สว สทล.4 กก.2 ชุมพร) พร้อมด้วย ร.ต.อ.ภาณุวัฒน์ ร.ต.ต.วสันต์ ตราโต รอง สว สทล.4 กก.2 ชุมพร ต.ต.บุญช่วย โพธิ์แดง ด.ต.วิมล แก้วชู ด.ต.ชาตรี บุญอยู่ ผบ.หมู่ นำกำลังรถวิทยุตรวจการณ์ออกสกัดจับกุมแก๊งค้าแรงงานมนุษย์ หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าได้ขับรถยนต์หลบเลี่ยงด่านตรวจบนถนนเพชรเกษม เลี่ยงไปทางถนนเลียบชายฝั่งทะเลอ่าวไทย จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทาตอนครึ่ง ทะเบียน บล 6592 สุพรรณบุรี ขับอยู่บนถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2021 หลัก กม.396-397 หมู่ 3 ตำบลชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นรถยนต์เป้าหมาย จึงขับรถยนต์ตรวจการณ์ตามประกบ และเรียกให้หยุด แต่เมื่อคนขับเห็นเป็นตำรวจจึงเร่งเครื่องหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด เมื่อคนร้ายเห็นจวนตัวจึงได้จอดรถทิ้งไว้บนถนนแล้วปิดประตูวิ่งเข้าไปในป่าละเมาะข้างทางหนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบชาวโรฮิงญา อายุระหว่าง 19-39 ปี จำนวน 14 คน นั่งอัดแน่นกันอยู่ภายในเก๋งรถ จึงควบควบตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจทางหลวงชุมพร ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนผ่านล่ามทราบว่า ชาวโรฮิงญาทั้งหมดจ่ายเงินให้แก่แก๊งค้ามนุษย์คนไทยรายละ 4,000-10,000 บาท รับมาจากชายแดนด้าน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แล้วได้ขับรถยนต์อาศัยแฝงตัวปะปนไปกับรถยนต์ของประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์กันจำนวนมาก โดยคนขับจะพาไปส่งที่ชายแดนไทยด้าน จ.สงขลา เพื่อข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย จนกระทั่งมาจับกุมได้ดังกล่าว
จากการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทาตอนครึ่งทะเบียน บล 6592 สุพรรณบุรี คันดังกล่าว ปรากฏว่า เป็นป้ายทะเบียนปลอม แต่เมื่อตรวจสอบหมายเลขตัวถังรถ MR0GR19GX07367748 กับระบบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า เป็นรถยนต์หมายเลขทะเบียน บพ 4080 ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าของชื่อ นายชีตรี พุ่มพวง อยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ 2 ต.บางสะพาน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงควบคุมตัวชาวโรฮิงญาทั้งหมด พร้อมรถยนต์ส่งมอบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร และจะได้เรียกตัวเจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวมาสอบสวนขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องต่อขบวนการค้าแรงงานมนุษย์หรือไม่ และติดตามจับกุมเครือข่ายที่ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
